ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ สร้างความประหลาดใจให้กับกองกำลังสหรัฐในอัฟกานิสถาน ด้วยการเดินทางไปให้กำลังใจถึงฐานที่มั่นในวันขอบคุณพระเจ้า พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า กองกำลังตาลีบันจะเห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิง ในการทำสงครามครั้งยาวนานสุดของสหรัฐ
เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) ผู้นำสหรัฐได้เดินทางไปยังฐานทัพอเมริกันในอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และเกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐ และรัฐบาลอัฟกานิสถาน ดำเนินการแลกเปลี่ยนนักโทษ สถานการณ์ที่ทำให้มีความหวังมากขึ้น ถึงการทำข้อตกลงสันติภาพที่รอกันมานาน
“ตาลีบันต้องการทำข้อตกลง และเราก็จะพบปะกับพวกเขา เราบอกว่าจะต้องมีการหยุดยิง และพวกเขาก็ไม่อยากที่จะทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ ผมเชื่อว่า พวกเขาต้องการหยุดยิง และก็อาจจะทำให้เกิดข้อตกลงขึ้นมาได้” ผู้นำสหรัฐ กล่าวหลังเดินทางมาถึงอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นกำหนดการณ์ที่ถูกเก็บไว้เป็นความลับ ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย
แอร์ ฟอร์ซ วัน เครื่องบินประจำตำแหน่งผู้นำสหรัฐ เดินทางถึงฐานทัพอเมริกันในเมืองแบกรัม ช่วงค่ำวานนี้ โดยมีนายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทำเนียบขาว กลุ่มเจ้าหน้าที่ และตำรวจลับอีกจำนวนหนึ่งเดินทางไปด้วย
ทรัมป์ได้เข้าพบกับประธานาธิบดีอัชราฟ กานิ ของอัฟกานิสถาน พร้อมตักไก่งวงเสริ์ฟให้กับนายทหารสหรัฐจำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะร่วมนั่งรับประทานอาหารค่ำ ในคืนวันขอบคุณพระเจ้ากับพวกเขา ทรัมป์ยังได้กล่าวยกย่องการปฏิบัติภารกิจของเหล่าทหารอเมริกัน ที่อัฟกานิสถานด้วย
ครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางเข้าไปในพื้นที่สู้รบเป็นครั้งที่ 2 ของทรัมป์ ผู้ที่ไม่เคยเข้ารับราชการทหาร และมักจะกล่าวโจมตี ต่อเรื่องที่สหรัฐเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งที่ต่างประเทศ เพราะมองว่าเป็นภารกิจที่มีค่าใช้จ่ายสูง
ปัจจุบัน มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานราว 13,000 คน ซึ่งสหรัฐเป็นแกนนำกองกำลังผสมบุกเข้ามาในประเทศนี้ตั้งแต่เมื่อ 18 ปีก่อน หลังจากที่กองกำลังก่อการร้ายอัล กอิดะห์ ก่อวินาศกรรมในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ซึ่งนับตั้งแต่นั้น มีทหารอเมริกันเสียชีวิตในอัฟกานิสถานราว 2,400 นาย
