EA เปิดแผนลงทุนปี 63 วงเงิน 7.4 พันล้าน ลุยผลิตรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 เริ่มทะยอยส่งมอบให้ลูกค้าไตรมาส 2 พร้อมนำเรือไฟฟ้า ออกให้บริการต้นปีหน้า เร่งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ให้ทัน
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) กล่าวว่าในปี 2563 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 7,400 ล้านบาท เน้นโครงการ “ผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออน” เฟสแรก ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี มูลค่าลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการ
ทั้งนี้ยอมรับว่ากำหนดการแล้วเสร็จล่าช้าไปจากแผนงานเดิม แต่เชื่อว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2563 ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนงานของบริษัท เนื่องจากสามารถใช้ฐานการผลิตที่มีอยู่แล้วของบริษัท Amita Technologies Inc., ไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ผลิตแบตเตอรี่ นำมาใช้ในโครงการรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA 1 และเรือไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้
ทำให้บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนได้ กล่าวคือ จะทำการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 ให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนา จำกัด จำนวน 3,500 คัน ตามที่ทำข้อตกลงกันไว้ รวมถึงลูกค้ารายอื่นๆ โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563
สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์ ที่บริษัทกำลังก่อสร้างนั้น จะสามารถรองรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทรถยนต์ไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า และรถบรรทุกไฟฟ้า ซึ่งบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ “บริษัท อีวีนาว จำกัด” แล้ว
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการผลิตเรือไฟฟ้า ซึ่งจะแล้วเสร็จ และเริ่มให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปได้ ในต้นปี 2563 อีกทั้งอยู่ระหว่างการสร้างโรงงานผลิตกรีนดีเซล และสารเปลี่ยนสถานะ (PCM) ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์มที่มีมูลค่าเพิ่มขั้นสูง และเป็นลิขสิทธิ์ของกลุ่มบริษัทเอง สามารถส่งออกและทดแทนการนำเข้า
สำหรับงบประมาณตามแผนการลงทุนทั้งหมด 7,400 ล้านบาท จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท และเงินกู้ยืมระยะยาว
ในส่วนธุรกิจใหม่ทั้งหมด ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า เรือไฟฟ้า กรีนดีเซล PCM รวมถึงแบตเตอรี่ จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้า และเมื่อผนวกกับการที่โรงไฟฟ้าทั้งหมด สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 664 เมกะวัตต์ รวมไปถึงการเติบโตของไบโอดีเซลตามนโยบายของรัฐบาล จะส่งผลให้รายได้ และกำไรในปี 2563 เติบโตจากปี 2562 แน่นอน
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ปี 2562 กำไรสุทธิจำนวน 1,678.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.71 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ส่งผลให้มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 จำนวน 4,331.89 ล้านบาท
สำหรับรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2562 อยู่ที่ระดับ 4,117.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้งวด 9 เดือนแรกของปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 10,846.53 ล้านบาท