กลุ่มเกษตรกร 17 จังหวัด ยื่นหนังสือ “สนธิรัตน์” ของบหนุนระบบสูบน้ำโซลาร์เซลล์ –โรงไฟฟ้าชุมชน ฟื้นฟูอาชีพสู้ภัยแล้ง ด้านพลังงานยันปรับทุกกฎเกณฑ์เอื้อเศรษฐกิจฐานราก
วันนี้ (28 พ.ย.) กลุ่มเกษตรกรจากสภาประชาชนเพื่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (สปศ.) นำโดยนายอนุรักษ์ แสนเวียง, นายปิยะ ผูกจิต, นายสุพล หมื่นศรีพรหม และเกษตรกรประมาณ 200 คน มาจาก 988 กลุ่ม จำนวนสมาชิก 10,363 ราย จาก 17 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ได้เข้ายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องงบประมาณโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพเกษตรกร
นายอนุรักษ์ แสนเวียง ประธานกลุ่มเกษตรกรอนุรักษ์ กล่าวว่า เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านการประกอบอาชีพ เพราะน้ำขาดแคลน ไม่สามารถทำการเกษตรได้ จึงรวมตัวมาขอความช่วยเหลือในการฟื้นฟูอาชีพให้เกษตรกร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
โดยขอสนับสนุน 1.เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะส่วนใหญ่เกษตรกรอยู่ในภาคอีสาน ขาดแคลนแหล่งน้ำในการทำการเกษตร 2.โรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งกลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจชุมชน เป็นนิติบุคคลจัดตั้งตามกฎหมายต่างๆ อาทิ พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ร.บ.วิสาหกิจชุมชน พ.ร.บ.สภาเกษตรกรแห่งชาติ มีความพร้อมในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนตามนโยบายกระทรวงพลังงาน โดยขอให้ทางกระทรวงพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อให้เกษตรกรได้ฟื้นฟูอาชีพ
“ที่ผ่านมาเรารู้ว่ามีกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานช่วยได้ แต่เราเข้าไปไม่ถึง เมื่อเห็นว่ากระทรวงพลังงานมีนโยบายในเรื่องพลังงานลงชุมชนชัดเจน เราจึงรวมพลังมาขอการสนับสนุนโดยตรงที่ส่วนกลางเลย ”
มีนายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับฟังปัญหา และรับหนังสือจากกลุ่มเกษตรกรดังกล่าว
นายยุคล กล่าวว่า จะนำข้อร้องเรียนดังกล่าว เสนอต่อนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อพิจารณาถึงความเดือดร้อนของกลุ่มเกษตรกรต่อไป โดยกระทรวงพร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และการตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน ตามความพร้อมของแต่ละชุมชน เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ประกาศผลักดันให้พลังงานเป็นของทุกคน และให้ภาคพลังงานมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
“ที่ผ่านมาชาวบ้านอาจเข้าไม่ถึงกลไกกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แต่กระทรวงพลังงานยุคนี้ไม่เหมือนยุคอื่น เราต้องการให้พลังงานเป็นของทุกคนอยู่แล้ว เป็นที่มาให้อยู่ระหว่างการปรับกฎเกณฑ์ต่างๆของกองทุนฯและทุกกลไกให้สอดรับกับแผนพลังงานชุมชน ที่จะแยกต่างหากออกมาทำโดยเฉพาะ และจะมีการประกาศหลักเกณฑ์ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพลังงานชุมชนในเดือนธันวาคมนี้ ”
สำหรับกลไก และติดตามการทำงานนั้น จะปรับให้พลังงานจังหวัด เป็นเครื่องมือช่วยเหลือประชาชนในระดับพื้นที่อย่างแท้จริง และให้พลังงานจังหวัด ไปทำการฝึกอบรมอาสาสมัครพลังงาน ขยายให้มีครอบคลุมทุกจังหวัด เน้นเด็กรุ่นใหม่ ให้มีศักยภาพในการติดตั้ง ประกอบ และซ่อมบำรุงพลังงานหมุนเวียนเป็น สร้างอาชีพและรายได้ในท้องถิ่น และทำให้แผนพลังงานชุมชนมีความยั่งยืน
สำหรับกลุ่มเกษตรกรจาก 17 จังหวัดที่มายื่นหนังสือ ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี มุกดาหาร ศรีสะเกษ สกลนคร สระแก้ว สุรินทร์ อุดรธานี อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี และอ่างทอง
