ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา “แกร็บ” เติบโตจากการเป็นแอปพลิเคชันสำหรับเรียกรถ สู่แพลตฟอร์มที่ให้บริการหลากหลาย ครอบคลุม 20 เมืองใน 18 จังหวัด ของประเทศไทย และล่าสุดมียอดเรียกใช้บริการรวมแล้วกว่า 120 ล้านครั้ง รวมทั้งขยายเข้าสู่ธุรกิจด้านการเงิน ภายใต้ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เพื่อเติมเต็มอีโคซิสเต็มในไทยให้ครบวงจร
ล่าสุด แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ได้เดินหน้าขยายอีโคซิสเต็มทางการเงิน ที่เชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ด้วยการเปิดบริการ “แกร็บเพย์ วอลเล็ต” ภายใต้กลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสการมีส่วนร่วมทางการเงินของคนในสังคม และร่วมลักดันให้เกิดสังคมไร้เงินสดในไทยอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา คนนับล้านรายนิยมใช้แอปพลิเคชันแกร็บ เพราะดีเอ็นเอของแกร็บนั้น ความต้องการของผู้บริโภคมาก่อนเสมอ ทำให้เข้าใจดีว่า ความยุ่งยากในชีวิตประจำวันอย่างหนึ่งที่ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงคนในประเทศไทย ต้องเผชิญเหมือนๆ กัน ก็คือ การชำระเงิน
ดังนั้น ในเฟสแรก แกร็บได้เชื่อมต่อแทรฟฟิคระหว่างออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันในแกร็บเพย์ วอลเล็ต เพื่อให้ผู้ใช้แกร็บมีส่วนร่วมในอีโคซิสเต็มนี้ได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น ด้วยช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ควบคู่กับการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมไร้เงินสด ทั้งในกลุ่มผู้ใช้แกร็บ และพาร์ทเนอร์ร้านค้า
ทั้งนี้ การเปิดตัว แกร็บเพย์ วอลเล็ต พาวเวอร์ บาย เคแบงก์ จะช่วยเพิ่มยอดการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลในประเทศไทยได้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน 93% ของการใช้จ่ายภายในประเทศยังเป็นเงินสด ส่วนอัตราเฉลี่ยการถือครองบัตรเครดิตต่อคนก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ดังนั้น เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จึงมุ่งสร้างความเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลโดยให้ร้านค้าพึ่งพาเงินสดน้อยลง เพราะยอดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มีมูลค่าถึง 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในแต่ละปี
ด้านนายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บเพย์ ประจำปะเทศไทย แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า ผู้ใช้งานในประเทศไทยมีการตอบรับกระแส อี-เพย์เมนท์ อย่างรวดเร็วและมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ฐานกลุ่มผู้ใช้งาน แกร็บเพย์ ขยายตัวขึ้นถึง 3 เท่า นับตั้งแต่มีการทดลองบริการ แกร็บเพย์ วอลเล็ตไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ แกร็บเพย์ วอลเล็ต กลายเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-วอลเล็ต) ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เห็นได้จากการที่ปัจจุบัน ปริมาณธุรกรรมบนแกร็บเกินกว่า 40% เป็นการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด และล่าสุดผู้ใช้งานยังสามารถใช้ แกร็บเพย์ วอลเล็ต ชำระเงินตามร้านค้าชั้นนำต่างๆ ที่อยู่นอกแพลตฟอร์มของแกร็บได้อีกด้วย
ปัจจุบัน ผู้ใช้แกร็บในประเทศไทยสามารถเปิดใช้งานและเติมเงินเข้าอี-วอลเล็ต ผ่านแอปพลิเคชัน K Plus เมื่อสร้างบัญชีแล้ว ผู้ใช้สามารถใช้ยอดเงินใน แกร็บเพย์ วอลเล็ต เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บหรือบริการต่างๆ จากร้านค้าพาร์ทเนอร์ได้ทันที นอกจากนี้ แกร็บมีแผนที่จะขยายการเปิดให้บริการกับผู้ใช้ที่ใช้ธนาคารอื่นภายในต้นปีหน้า
“ในอนาคต แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป วางแผนที่จะใช้บิ๊กดาต้าเพื่อนำเสนอการบริการทางการเงินที่ครบวงจรยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น GrabInsure หรือการประกันรายย่อยสำหรับคนขับแกร็บ และ GrabFinance บริการกู้ยืมเงินภายในแอปแก่พาร์ทเนอร์ผู้ประกอบการขนาดเล็กบนแพลตฟอร์มของเรา” นายวรฉัตร กล่าว
