ศึกชิง “โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาตะวันออก” กลายเป็นสังเวียนการประมูลภาครัฐ ที่ดุเดือดเลือดพล่านมากที่สุด ณ วินาทีนี้ เพราะนอกจากสัมปทานนาน 50 ปี ที่มีมูลค่าสูงถึง 2.9 แสนล้านบาทแล้ว คู่ชกก็ไม่ได้มีแค่จำกัดอยู่ในวงเอกชนเท่านั้น
เนื่องจาก “อุบัติเหตุด้านเวลา” ระหว่างการประมูล ทำให้ “กองทัพเรือ” (ทร.) ซึ่งควรอยู่ในตำแหน่งกรรมการตัดสิน กลับต้องกระโดดมาเป็นคู่ชกกับเขาด้วย โดยคู่ปรับของกองทัพเรือคือ “กลุ่มกิจการค้าร่วมบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร” ที่มีกลุ่ม CP เป็นแกนนำ
ย้อนไปในช่วงก่อนการประมูล กลุ่ม CP วางกลยุทธ์ให้โครงการเมืองการบินเป็น 1 ในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพราะโครงการเมืองการบินสามารถเชื่อมต่อและป้อนผู้โดยสารกับ “โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” ซึ่งกลุ่ม CP ชนะการประมูลไปก่อนหน้านี้
กองทัพเรือได้เปิดให้ยื่นข้อเสนอ ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ระหว่างเวลา 9.00-15.00 น. โดยมีเอกชนมอบกล่องเอกสารเข้ายื่นข้อเสนอจำนวน 3 ราย ได้แก่
- กิจการค้าร่วมบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร
- กลุ่มกิจการร่วมค้า BBS นำโดยกลุ่ม BTS
- กลุ่มแกรนด์ คอนซอร์เตี้ยม นำโดยกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค
ประเด็นที่จุดชนวนความร้อนแรงให้การประมูลครั้งนี้อยู่ที่ช่วง การปิดรับข้อเสนอ เมื่อกลุ่ม CP ขนเอกสารกล่องที่ 6 ข้อเสนอทางเทคนิคและแผนธุรกิจ และข้อเสนอกล่องที่ 9 ด้านราคา มาช้าไป 9 นาที เนื่องจากกลุ่ม CP ได้ประเมินคู่แข่ง แล้วเคาะตัวเลขกันใหม่ แต่เกิดปัญหาจราจรติดขัดทำให้กลุ่ม CP ขนส่งเอกสารมาถึงสถานที่ประมูลในเวลา 15.09 น.
หลังวันดังกล่าว แม้จะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เอกชนบางรายยื่นข้อเสนอเกินเวลา แต่ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่มีใครเปิดหน้าออกมาคอนเฟิร์ม จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 กลุ่ม CP ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าจะใช้สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับมติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ
ฟากกองทัพเรือก็ออกแถลงการณ์ตอบโต้ ยืนยันว่าการประมูลโปร่งใส ยุติธรรม และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะไม่รับข้อเสนอเพิ่มเติมหลังเวลา 15.00 น. ซึ่งหากใครไม่เห็นด้วยก็สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายได้
นี่เป็นการเปิดหน้าชกครั้งแรกระหว่างกองทัพเรือและกลุ่ม CP
ในยกแรก กลุ่ม CP ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางว่ามติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ไม่รับข้อเสนอกล่องที่ 6 และกล่องที่ 9 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเจ้าหน้าที่ได้ออกหลักฐานการยื่นซองให้กลุ่ม CP แล้ว พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา แต่ศาลปกครองกลางไม่มีออกคำสั่งคุ้มครองตามที่ถูกร้องขอ และต่อมาวันที่ 21 สิงหาคม 2562 ก็พิพากษายกฟ้อง ด้วยเหตุผลว่ามติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ถูกต้องตามกฎหมาย
แม้จะแพ้อย่างราบคาบในยกแรก แต่กลุ่ม CP ก็เดินหน้าขึ้นสู่สังเวียนชกเป็นยกที่ 2 ด้วยการ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ศาลปกครองสูงสุดก็มีคำสั่งคุ้มครอง ให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ รับข้อเสนอซองที่ 6 และซองที่ 9 ของกลุ่ม CP เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพากษา
จากนั้นสถานการณ์ก็ดูจะพลิกผันอีกครั้งในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 เมื่อตุลาการผู้แถลงคดีศาลปกครองสูงสุด ได้เสนอให้องค์คณะศาลปกครองสูงสุดกลับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เนื่องจากเห็นว่าการประมูลไม่มีกระบวนการรับและตรวจเอกสารที่ชัดเจน อีกทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่รับข้อเสนอจากกลุ่ม CP แล้วก็ตรวจรับโดยไม่มีการทักท้วง พร้อมเห็นว่าข้อเสนอกล่องที่ 6 และ 9 ไม่ใช่เอกสารที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือทำให้ล่วงรู้ข้อเสนอของเอกชนรายอื่น
หลังจากนี้ต้องรอฟังความพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเท่านั้น
ด้านการเปิดข้อเสนอของอีก 2 กลุ่ม ที่ไม่มีปัญหาก็ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดในซองที่ 3 แล้ว ซึ่งก็มีกระแสข่าวว่า “กลุ่ม BTS ชนะ” ไปอย่างขาดลอย ด้วยการเสนอตัวเลขผลตอบแทนมหาศาลถึงระดับ 3 แสนล้านบาท สูงกว่ากลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็คถึง 2 แสนล้านบาท
แต่หากสุดท้ายแล้ว ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้กลุ่ม CP ได้กลับเข้ามาในสังเวียนการแข่งขันอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าผลประมูลจะล็อกพลิกไปทางไหนอีกหรือไม่ เรื่องนี้เชื่อว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานก็จะทราบว่าผลเป็นอย่างไร
