ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐ “วอลมาร์ท” ประกาศแผนเปิดร้านสาขาใหม่ 500 แห่งในจีน ในช่วง 5-7 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าของสาขาที่มีอยู่ในจีน ประเทศที่คาดว่าจะกลายมาเป็นตลาดของชำขนาดใหญ่สุดของโลกภายในปี 2566
แผนขยายกิจการดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจีน ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีอัตราการเติบโตลดลง ทั้งยังต้องรับมือกับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ โดยเมื่อไตรมาสที่แล้ว จีดีพีจีนร่วงลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี และรัฐบาลปักกิ่งต้องออกมาตรการอัดฉีดออกมาจำนวนหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจจะซบเซา แต่ผู้บริโภคจีนยังคงใช้จ่ายอยู่ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับวอลมาร์ท โดยเมื่อไตรมาสที่แล้ว ยอดขายของบริษัทในแดนมังกรเพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สูงกว่ายอดขายทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเพียง 2.5% อย่างมาก
การเปิดเผยข้างต้น ยังเกิดขึ้นหลังวอลมาร์ทเคยออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่า มีแผนที่จะเข้าลงทุนมากกว่าพันล้านดอลลาร์ในธุรกิจจีน ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น จากคู่แข่งท้องถิ่น และผู้ค้าปลีกออนไลน์
บริษัทระบุด้วยว่า การซื้อของชำ และสินค้าออนไลน์ ถือเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการขยายตัวของบริษัทในจีน ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า วอลมาร์ทมีแผนที่จะปรับโฉมสาขาต่างๆ ในจีนที่มีอยู่มากกว่า 200 สาขาใหม่ โดยจะเพิ่มบริการเข้าไปมากขึ้น อาทิ การลงทะเบียนเงินสดด้วยตัวเอง ซึ่งจะเปิดทางให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินด้วยการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า
เจมส์ คู รองประธานบริหารอาวุโส วอลมาร์ท ประเทศจีน แถลงว่า บริษัทกำลังยกระดับกลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ เพื่อนำความสดใหม่ การมีคุณค่า และความสะดวกสบายมาให้กับลูกค้า ทั้งยังมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตร และเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายในจีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งแผนขยายธุรกิจ
ทั้งนี้ วอลมาร์ทเข้าสู่ตลาดจีนมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยนับถึงเดือนมกราคมปีนี้ บริษัทมีสาขาในจีนทั้งหมด 443 แห่ง รวมถึง สาขาที่ใช้แบรนด์วอลมาร์ท และแซมส์ คลับ หน่วยงานในเครือ ที่ให้บริการเฉพาะกับสมาชิกเท่านั้น
ไอจีดี เอเชีย บริษัทด้านการวิจัย เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่า จีนจะแซงหน้าสหรัฐ ขึ้นเป็นตลาดของชำขนาดใหญ่สุดของโลกภายในปี 2566 ด้วยยอดขายออนไลน์เพียงอย่างเดียว จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า มาอยู่ที่ 205,000 ล้านดอลลาร์
