ฟุตบอลโลก 2018 ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็น “ตราไก่” ฝรั่งเศส ผงาดคว้าแชมป์โลกครั้งที่สองของพวกเขาได้สำเร็จ หลังเอาชนะ โครเอเชีย 4-2 หลังเข้าชิงชนะเลิศ มาแล้ว 3 ครั้ง (1998, 2006 และ 2018)
นอกจาก ฝรั่งเศส จะเถลิงแชมป์ในรอบ 20 ปี แล้ว ยังมีรางวัลรายบุคคล และทีม โดยแบ่งออกเป็นดังนี้
ผู้เล่นยอดเยี่ยม – ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย)
กัปตันทีมวัย 31 ปี จากสโมสรเรอัล มาดริด สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเล่นได้ตามมาตรฐานไม่มีตกจนนำโครเอเชียผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แม้สุดท้ายจะอกหัก แต่ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุด นับตั้งแต่เคยได้อันดับ 3 ฟุตบอลโลก ปี 1998
ดาวรุ่งยอดเยี่ยม – คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (ฝรั่งเศส)
ถือเป็นทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิดแบบเต็มตัวสำหรับดาวยิงจากปารีส หลังโชว์ฟอร์มได้หวือหวาตลอดทัวร์นาเมนต์ และยิงไปทั้งสิ้น 4 ประตู หนึ่งในนั้นเป็นเกมในรอบชิงที่ทำสถิติอายุน้อยสุดอันดับ 2 ที่ยิงได้ในนัดชิง ด้วยวัย 19 ปีกับอีก 207 วัน เป็นรองแค่ เปเล่ ที่ทำไว้ (17 ปี 249 วัน) สมัยเล่นปี 1958 ให้ บราซิล
ดาวซัลโว – แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ)
กัปตันทีมสิงโตคำรามพาทีมไปได้ไกลที่สุดแค่รอบรองชนะเลิศ ในเวิลด์ คัพ 2018 และปิดฉากด้วยอันดับที่ 4 แต่ผลงานที่ยิงไป 6 ลูกส่งผลให้หัวหอกสเปอร์ส คว้าดาวซัลโวในครั้งนี้ไปครอง โดยเป็นนักเตะอังกฤษรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัลนี้ ต่อจาก แกรี่ ลินิเกอร์ เมื่อปี 1986
ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม – ติโบต์ กูร์ตัวส์ (เบลเยียม)
นายด่าน”ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ลงเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ทุกนัด ทำสถิติเก็บคลีนชีทไปถึง 3 เกม และช่วยป้องกันไม่ให้เสียประตูมากสุดกว่าใครที่ 27 เซฟ แม้ว่าจะไม่สามารถชข่วยทีมเข้าชิง แต่ยังคว้าอันดับ 3 ปลอบใจหลังไล่บดเอาชนะ อังกฤษ 2-0
แฟร์เพลย์ อวอร์ด – ทีมชาติสเปน
แม้อดีตแชมป์โลกเมื่อปี 2010 จะจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกบอลโลกหนนี้ หลังพ่ายจุดโทษ “เจ้าภาพ” รัสเซีย แต่ ฟีฟ่า ยังมอบรางวัล แฟร์เพลย์ อวอร์ด ให้เป็นการปลอบใจหลังเล่นได้แบบมีสปิริต โดยในบอลโลกหนนี้ทีมกระทิงดุได้รับใบเหลืองแค่สองคนเท่านั้นจาก เคราร์ด ปิเก้ และ เซร์คิโอ บุสเกตส์
