CEO INSIGHT

‘Wellbeing’ ดีเอ็นเอ ‘มั่นคงเคหะการ’ สานความยั่งยืน

ก้าวเดินอยู่ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนานถึง 63 ปี และเป็นการก้าวย่างอย่างมั่นคง บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) โดยนับแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2499 ภายใต้ชื่อ “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มั่นคงสถาปัตย์” เริ่มจากการรับเหมาก่อสร้างอาคารประเภทต่างๆ

หลังจากนั้นอีก 5 ปี ได้เริ่มประกอบธุรกิจอาคารและที่ดินควบคู่กับงานรับเหมาก่อสร้าง ต่อมาในปี 2511 ได้จัดตั้ง “ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.มั่นคงเทรดดิ้ง” ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้าง และรวมกันเป็น “บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด”ในปี 2516 ด้วยทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท ต่อมาในปี 2520 จึงกำเนิดหมู่บ้านจัดสรร “ชุมชนชวนชื่น” ที่ประชาชื่นเป็นแห่งแรก และเติบโตขึ้นตามลำดับ และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปี 2536

ฟ้า

กว่าครึ่งทศวรรษ ของ มั่นคงเคหะการ หรือ MK จนถึงปัจจุบัน พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แล้วกว่า 60 โครงการ ภายใต้แบรนด์หลักคือ “ชวนชื่น” ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม

“ในช่วงระยะเวลา 4 – 5 ปีที่ผ่าน บริษัทฯ ได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาทั้งตัวโปรดักส์, บุคลากรให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เราได้มีการนำแนวคิดในเรื่อง Wellbeingหรือ สุขภาวะองค์รวมที่ดี มาปรับใช้ตั้งแต่การดูแลพนักงาน ไปจนถึงการออกแบบดีไซน์พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถ ตอบโจทย์ทุกความต้องการและเพื่อมอบความสุขให้ผู้อยู่อาศัยในทุกๆ เจเนอเรชั่น”

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงวิชั่นและทิศทางการดำเนินงานของมั่นคงเคหะการ

ทั้งนี้ล่าสุด มั่นคงเคหะการ ยังได้ย้าย “สำนักงานใหม่” มาที่ถนนสุรวงค์ หลังจากครบสัญญาเช่า 30 ปี กับทางพื้นที่เดิม จึงถือโอกาสครั้งนี้ย้ายสำนักงานใหม่อันเป็นก้าวสำคัญของจุดเริ่มการพลิกโฉมครั้งใหญ่ เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของ มั่นคงเคหะการ รวมทั้งเป็นของขวัญพนักงาน เพราะเชื่อมั่นว่าพนักงานเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรเติบโต การดูแลพนักงานให้มีสุขภาวะที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก็จะส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมและสังคมที่ดี ตลอดจนสร้างสรรค์ผลงานที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับแนวคิดการวางคอนเซปต์ของสำนักงานใหม่ ยังคงให้ความสำคัญเรื่อง “Wellbeing” โดยตั้งใจจะสร้างให้สถานที่แห่งนี้เป็น Workplace Wellbeing คือเป็นที่ทำงานที่สามารถสร้าง “สุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม” ในการทำงานให้กับพนักงานทุกคน เพราะถ้าหากพนักงานมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดี ก็จะส่งผลถึงประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีด้วยเช่นกัน

ภาพภายในอาคาร 1

พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญกับการปรับวัฒนธรรมองค์กร เน้นการปลูกฝังความเป็น Wellbeing ให้อยู่ใน ดีเอ็นเอ ของพนักงานผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ แปลงผักออร์แกนิคบริเวณชั้นดาดฟ้า โดยมีแนวคิดอยากให้พนักงานได้เรียนรู้และใส่ใจเรื่องที่มาของวัตถุดิบในการประกอบอาหาร, Co-Wellnest พื้นที่ที่พนักงานสามารถแลกเปลี่ยนสูตรในการทำอาหารต่างๆ, กิจกรรม Happy Fine Day เวทีที่ให้พนักงานได้มาแสดงความสามารถ เป็นต้น

ก้าวต่อไปหลังจากที่สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง Wellbeing อย่างลงลึก ดีเอ็นเอ ของพนักงานทุกคนภายในองค์กรแล้ว มั่นคงฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าโดยให้ความสำคัญในทุกมิติแห่งการอยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่ การวางผังโครงการฯ การออกแบบตัวบ้านให้สอดคล้องกับทิศทางลม เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน และช่วยให้ภายในบ้านมีอากาศถ่ายเทที่ดี การออกแบบฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยให้โปร่ง โล่ง สบาย การเพิ่มห้องอเนกประสงค์ด้านล่าง ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ การเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงานต่างๆ เพื่อให้มี “สุขภาวะที่ดี”

ปัจจุบัน บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK มีโครงการแนวราบทั้งหมด 13 โครงการ แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 6 โครงการ ได้แก่ ชวนชื่น ทาวน์ ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ, ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1, ชวนชื่น ทาวน์ ราชพฤกษ์-345, ชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่, ชวนชื่น ทาวน์ –บางใหญ่, ชวนชื่น ทาวน์ วิลเลจ บางนา บ้านแฝด 2 โครงการ ได้แก่ ชวนชื่น โมดัส วิภาวดี, ชวนชื่น พาร์ค อ่อนนุช-วงแหวน

ขณะที่บ้านเดี่ยวมี 5 โครงการ ได้แก่ ชวนชื่น ไพรม์ วิลเลจ บางนา, ชวนชื่น ไพร์มวิลล์ กรุงเทพ-ปทุมธานี, ชวนชื่น ซิตี้ วัชรพล-รามอินทรา, ชวนชื่น แกรนด์ ราชพฤกษ์ พระราม 5, ชวนชื่น แกรนด์ เอกชัย บางบอน และโครงการเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ ได้แก่ โครงการพาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77, โครงการสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ, โครงการบางกอกฟรีเทรดโซนโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่า ที่บริหารงานโดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด

ภาพอาคาร 345 บมจ.มั่นคงเคหะการ จำกัด 1

ทั้งนี้ ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2562 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 3,742 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย มีรายได้อยู่ที่ 3,237 ล้านบาท และธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ 242 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 232.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 172.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561

Avatar photo