กลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน “อาลีบาบา” ยืนยันวันนี้ (15 พ.ย.) ถึงแผนการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่บริษัทระบุว่า เป็นการออกเสียงมูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์ แสดงความเชื่อมั่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่ง และเป็นความคืบหน้าในแผนการที่จะผงาดขึ้นเป็นบริษัทระดับโลก
การทำไอพีโอมูลค่ามหาศาลของอาลีบาบา ยังถือเป็นแรงสนับสนุนต่อทางการฮ่องกง ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น หลังจากที่เหตุประท้วงรุนแรงที่เกิดขึ้นมานานกว่า 5 เดือน สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของฮ่องกง หนึ่งในศูนย์กลางการเงินระดับโลก ในด้านของการรักษากฎระเบียบ และความมั่นคง ทั้งยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดหลักทรัพย์ท้องถิ่น
อาลีบาบา ระบุว่า บริษัทจะนำเสนอขายหุ้นจำนวน 500 ล้านหุ้น ในราคาสูงสุดที่หุ้นละ 188 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเมื่อรวมกับออปชันพอร์ทลงทุนส่วนเกินแล้ว จะทำให้มูลค่าโดยรวมของการทำไอพีโออยู่ในระดับที่มากกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นหนึ่งการทำไอพีโอครั้งใหญ่สุดในรอบทศวรรษของตลาดฮ่องกง รองจากที่ยักษ์ใหญ่ประกัน “เอไอเอ” เคยระดมทุนได้ 20,500 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2553
เดิมนั้น อาลีบาบามีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงตั้งแต่ช่วงกลางปี แต่ต้องเลื่อนออกมา เพราะเหตุประท้วงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการทำสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ซึ่งนายแดเนียล จาง ซีอีโออาลีบาบา ระบุว่า บริษัทต้องการที่จะมีส่วนร่วมเล็ก ในแบบที่ทำได้ต่ออนาคตของฮ่องกง
“ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ เรายังคงเชื่อมั่นว่า อนาคตของฮ่องกงยังคงสดใสอยู่”
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า การที่อาลีบาบาตัดสินใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นตลาดที่ 2 หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กของสหรัฐไปแล้วนั้น จะสร้างความพอใจให้กับรัฐบาลจีน ที่กำลังหาทางดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ใกล้จีนมากขึ้น หลังจากที่ต้องเสียยักษ์ท้องถิ่น อย่าง ไป่ตู้ ให้กับวอลล์สตรีทไปแล้ว
