หากเอ่ยถึงการทำงานบนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติกลางทะเล คงต้องยอมรับว่า ไม่ใช่อาชีพที่หลายคน โดยเฉพาะคนเมืองคุ้นเคยนัก และจากภาพของทีมงานเชฟรอน ประเทศไทยอย่าง “บุญเลิศ รวิโสภิตยิ่ง” ผู้จัดการฐานผลิตเอราวัณ , “ปิยยศ มนูญญา” พยาบาลประจำฐาน
และ “ยุวรินทร์ ทัดเทียม” เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย ที่ทีมงาน The Bangkok Insight ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยนั้น ต้องยอมรับว่า พวกเขาได้สะท้อนตัวตนข้อหนึ่งของการเป็นคนทำงานบนแท่นขุดเจาะออกมาให้เราได้เห็นกันอย่างชัดเจน นั่นคือ เรื่องของการมีระเบียบวินัยและรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
โดย “บุญเลิศ รวิโสภิตยิ่ง” ในฐานะผู้จัดการฐานผลิตเอราวัณ เผยว่าหน้าที่หลักของเขาคือการควบคุมการผลิตเพื่อให้แน่ใจว่า สามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้อย่างครบถ้วนตามสัญญา ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็มีหน้าที่ในการดูแลสารทุกข์สุกดิบของพนักงานกว่า 300 ชีวิตให้มีความเป็นอยู่ที่ดีไปพร้อม ๆ กันด้วย
“เอราวัณเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 พนักงานต้องใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งของเขามาอยู่ที่นี่ (21 วันต่อเดือน) เราจึงต้องแน่ใจที่สุดว่าเขาจะอยู่ได้ โดยเรามีวัฒนธรรมองค์กรที่เรียนรู้กันมาอย่างต่อเนื่อง และมีกฎด้านความปลอดภัยให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”
ยุวรินทร์ ทัดเทียม ในฐานะเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยเสริมว่า เรื่องของความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ต้องฝึกทุกวัน ตั้งแต่ภาคทฤษฏีความปลอดภัยว่าตรงไหนที่อันตรายที่สุด
“การเป็นเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย ต้องสร้างความตระหนักให้คนที่แท่นขุดเจาะ คิดให้ได้ก่อนว่าผลกระทบที่จะตามมาคืออะไร เพราะคนส่วนมากหวังดี แต่ลืมนึกถึงความปลอดภัยไปบ้าง ก็ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน”
ยุวรินทร์ ยอมรับว่าเธอสนใจในศาสตร์ด้านความปลอดภัย และต้องการทำงานในองค์กรที่มีมาตรฐานระดับสูง เพื่อเรียนรู้จากองค์กรเป็นทุนเดิม เห็นได้จากการลงทุนบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในศาตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยโดยเฉพาะ และได้สมัครทำงานกับทางเชฟรอนจนกลายเป็นหนึ่งในพนักงานไปในที่สุด
แต่เมื่อถามว่ามีกฎต่าง ๆ มากมายขนาดนี้ พนักงานมีปัญหาด้านสุขภาพและความเครียดกันบ้างไหม ในจุดนี้ ปิยยศ มนูญญา พยาบาลประจำฐานผลิตเอราวัณ เผยว่าที่ผ่านมาปัญหาเรื่องความเครียดยังไม่ปรากฏ แต่ถ้าพนักงานคนใดเครียด ก็จะมีนักจิตวิทยามาให้คำปรึกษา
ส่วนปัญหาสุขภาพ เขายอมรับว่ามีบ้าง ไม่ต่างจากการทำงานในสังคมเมืองแต่อย่างใด แต่ทางแท่นขุดเจาะเอราวัณก็มีการสนับสนุนด้านการส่งเสริมสุขภาพมาโดยตลอด เช่นโปรแกรมวิ่งมาราธอนในแท่น ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
“ที่นี่เราดูแลพนักงานตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เช่น การวีดีโอคอลล์กับครอบครัว เป็นต้น” บุญเลิศ กล่าวเสริม
จากดูแลพนักงาน ต่อยอดสู่การดูแลชุมชน
นอกจากนี้ หากเหลียวมองออกไปนอกแท่นฯ ยังพบว่าในชุมชนต่าง ๆ ของเมืองนครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียงยังมีโครงการ CSR ของเชฟรอนปรากฏอยู่ทั่วไปด้วย เช่น โครงการปะการังเทียม การทำการ์ตูนอนุรักษ์พลังงาน หรือการขยายโรงเรียนเครือข่ายเชฟรอน จุดนี้ บุญเลิศ กล่าวว่า มีการทำมาหลายปีติดต่อกัน เพราะต้องการสร้างสังคมให้ดีขึ้น รวมถึงช่วยพัฒนาบุคคลากรครูให้มีความสามารถ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเด็กอาชีวะเพื่อมาต่อยอดในการทำโปรเจ็คต่าง ๆ ของชาติได้นั่นเอง
หรือในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีการเชิญเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยบูรพามามอนิเตอร์คุณภาพน้ำทะเลในบริเวณแท่นขุดเจาะ และรายงานให้กับกรมเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“เป้าหมายหนึ่งของเชฟรอน คือการพัฒนาอุตสาหกรรมและพัฒนาชุมชนตามศาสตร์ของพระราชา เราหวังว่าชุมชน เกษตรกร ครู เด็ก ๆ จะมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีการประเมินผลโครงการต่าง ๆ เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องครับ” นายบุญเลิศกล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ ไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด บอกด้วยว่าการให้ความสำคัญกับพนักงาน สุขภาพ การมีส่วนร่วมของพนักงาน เชฟรอนมีค่านิยมด้านความสามารถ ไม่ได้ดูที่เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ การสร้างสภาพแวดล้อมให้ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกประเทศที่เชฟรอนไปทำ
ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมสามารถตรวจสอบได้ เรามีแบบแผน เป็นกระบวนการในสิ่งที่เราทำ คุณภาพน้ำทะเล มีตัวเลข รายงานตลอด ข้อมูลพวกนี้รายงานให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติตลอด เรามีระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่มีเราพัฒนาอย่างต่อเนื่องหวังว่าจะเป็นพาทเนอร์ที่ดีอยู่แล้ว อยากจะขอข้อมูลต่างๆ เราสามารถให้ได้
