นายโสพล จริงจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชี้แจงกรณีกสม.ยุติตรวจสอบหน่วยงานรัฐหลังได้รับคำยืนยันจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า บุคคลที่มีเพศกำกวมสามารถใช้สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพหรือบัตรทองวินิจฉัยยืนยันเพศและผ่าตัดเป็นเพศตามที่ต้องการได้ ว่า เรื่องดังกล่าวกสม.ได้รับการร้องเรียนจากบุคคลซึ่งใช้คำนำหน้านายและต้องการจะขอเปลี่ยนคำนำหน้า แต่กรมการปกครองไม่ดำเนินให้ ซึ่งการจะเปลี่ยนคำนำหน้านามจะต้องมีใบยืนยันจากแพทย์
“กสม.ได้ประสานไปที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งแจ้งว่ายินดีจะตรวจวินิจฉัยให้ และกสม.ยังเห็นว่าผู้ที่มีเพศกำกวมที่เกิดโดยมีสภาวะธรรมชาติที่มี 2 เพศ จำเป็นที่รัฐจะต้องเข้ามาดูแล และควรได้รับสิทธิเข้าถึงการรักษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จึงประสานไปยัง สปสช. ซึ่งยืนยันกลับมาว่าสามารถใช้ระบบบัตรทองได้ แต่กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศและบุคคลข้ามเพศ ทางสปสช.อยู่ระหว่างพิจารณาของคณะกรรมการสปสช.ว่าจะให้ขอบเขตแค่ไหน อาจมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น อาจต้องจ่ายเงินสมทบบางส่วนเพิ่ม” นายโสพลกล่าว
สำหรับบุคคลที่มีเพศกำกวมในขณะนี้และต้องการรับการรักษา ซึ่งคิดว่ามีไม่มาก เพราะ10 ปีที่ผ่านมา กสม.ได้รับการร้องเรียนเพียง 2 รายเท่านั้น คนกลุ่มนี้สามารถขอใช้สิทธิในระบบหลักประกันได้ทันที หรือโรงพยาบาลที่มีบุคคลเพศกำกวมไปขอรับการบริการ หากไม่แน่ใจสามารถติดต่อขอข้อมูลไปยังสปสช.ได้
“เราเป็นห่วงว่ากรณีนี้อาจจะทำให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศสับสนว่าการใช้สิทธิดังกล่าวครอบคลุมถึงกลุ่มตนเอง และแห่กันไปขอใช้สิทธิบัตรทองเพื่อผ่าตัดแปลงเพศกับโรงพยาบาล ยืนยันว่ากรณีนี้ยังไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของสปสช. ซึ่งต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง แต่บุคคลที่มีเพศกำกวมสามารถใช้สิทธิได้ทันที” นายโสพล กล่าว
