จากเป้าหมายที่มุ่งมั่นจะขึ้นเป็นผู้นำเชนบริหารโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักในเครือข่ายมากที่สุดในโลกในปี 2566 แม้จะเริ่มต้นทำธุรกิจได้เพียง 2 ปี โดยเป้าหมายแรกคือ การมีห้องพักที่เข้าไปดูแลบริหารงานให้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 2 ล้านห้อง ภายในปี 2568
มัณดา ไวดิย่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง โอโย โฮเทลส์ แอนด์ โฮมส์(OYO) เปิดเผยว่า โอโยเริ่มต้นธุรกิจจากแพลตฟอร์มจองโรงแรมราคาประหยัดในประเทศอินเดีย จนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็นเชนโรงแรม บ้านพัก คอนโด และพื้นที่สำนักงานที่ใหญ่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยปัจจุบันโอโยให้บริการที่พักในมากกว่า 160 เมืองทั่วโลก ผ่านแฟรนไชส์และโรงแรมกว่า 2,500 แห่งในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลลิปปินส์ และเวียดนาม
ล่าสุด โอโย ได้สยายปีกเข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยสามารถสร้างเครือข่ายโรงแรมที่รับบริหารให้แล้ว 250 โรงแรม รวมจำนวนห้องพักกว่า 8,000 ห้อง ใน 13 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ, พัทยา, ภูเก็ต และ หัวหิน เพื่อตอบรับกระแสการท่องเที่ยวในราคาที่พักที่เข้าถึงได้ง่าย และรองรับการท่องเที่ยวในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ มาเลเซียถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่โอโยเปิดให้บริการ นอกเหนือจากในประเทศอินเดีย ตามด้วยประเทศไทย ที่โอโยวางเป้าหมายว่าไทยจะเป็นตลาดที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจของโอโยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย อีกทั้งจำนวนเที่ยวบินสู่ประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการมีห้องพักภายใต้การดูแลจัดการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 2 ล้านห้อง ภายในปี 2568
สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ โอโย ขยายเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมได้อย่างรวดเร็ว มาจากการนำเสนอที่พักที่มีคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย บนโลเคชั่นที่ดีที่สุด พร้อมทั้งจะนำโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาปรับใช้ในประเทศไทย ทั้งด้านการออกแบบ การบริการ ทักษะด้านเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญทางการเงิน และความสามารถในการดำเนินธุรกิจ
“ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกับ โอโย จะได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น เข้าถึงโอกาสในการปิดการจองที่พักได้ง่ายขึ้น มีการปรับปรุงคุณภาพและมอบบริการที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้า โดยทุกที่พักในเครือโอโยได้รับการการันตีการให้บริการ เครื่องปรับอากาศ ฟรี Wifi โทรทัศน์ และบริการผ้าขนหนู ผ้าปูที่นอนที่สะอาดสำหรับผู้เข้าพักทุกคน” ไวดิย่า กล่าว
ด้าน อัลปานา ดูเบ อุปทูต ณ สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับปีนี้ คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางมาที่ประเทศไทยมากกว่า 2 ล้านคน ดังนั้นโอโยจึงจะมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยโอโย ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จทางธุรกิจของประเทศอินเดีย โดยเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับไม่เพียงเฉพาะในประเทศอินเดีย แต่จากนักเดินทางทั่วโลก
อชูโตช สิงห์ ผู้อำนวยการบริหาร ประจำประเทศไทย โอโย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจของโอโยคือการปรับปรุงคุณภาพของอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มีรายได้ระดับปานกลาง และคนในชุมชนได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้ชีวิตในแบบ ลิฟวิ่ง เดอะ กู้ดไลฟ์ โอโย โดยที่ผ่านมา โอโยได้ปฏิวัติเครือข่ายธุรกิจห้องพักราคาประหยัด ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานจัดการโรงแรมให้แก่กลุ่มเจ้าของธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กผ่านการใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยมาช่วยต่อยอด ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกับกับเครือโรงแรมขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการนั้นกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรม โดยมีวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเทคโนโลยียังเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจในปัจจุบัน โอโยมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยและหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการมอบบริการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทย”นายอชูโตช กล่าว
