กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์เผยแต่ละปีมีสุนัขในกัมพูชาที่ถูกเชือดเพื่อนำไปเป็นอาหารสูงสุด 3 ล้านตัว ส่วนใหญ่ใช้วิธีฆ่าแบบทารุณ วางจำหน่ายตามร้านอาหารในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ เรียกกันว่า “เนื้อพิเศษ”
เอเอฟพีรายงานว่า การบริโภคเนื้อสุนัขในหลายประเทศเอเชีย ไล่ตั้งแต่จีน ไปจนถึงเกาหลีใต้ และเวียดนาม รวมถึงชุมชนที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมในอินโดนีเซีย แม้จะลดลงอย่างมาก เนื่องจากจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น และผู้คนหันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น แต่ก็ยังมีบริโภคกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชา
ข้อมูลจาก “โฟร์ พอว์ส” กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ภาคเอกชน ระบุว่า ในกัมพูชา ยังมีการลักลอบฆ่าสุนัขตามโรงเชือดผิดกฏหมาย เพื่อนำเนื้อไปบริโภค ด้วยวิธีการที่ทารุณ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้จมน้ำ แขวนคอ และแทงวันละนับพันตัว ซึ่งร้านค้าจำนวนมากตามเมืองต่างๆ ก็มีเนื้อสุนัขขาย โดยระบุไว้ว่าเป็นเนื้อพิเศษ
โฟว์ พอว์ส ระบุด้วยว่า ในแต่ละปี ที่กัมพูชามีหมาถูกฆ่า เพื่อกินเนื้อราว 2-3 ล้านตัว พร้อมชี้ว่า ในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศ มีร้านอาหารขายเนื้อหมามากกว่า 100 ร้าน และในแหล่งท่องเที่ยวดังอย่างเมืองเสียมเรียบมีอยู่ราว 20 ร้าน
แคทเธอรีน โพแลค สัตวแพทย์ที่ทำงานรวมกับโฟว์ พอว์ส ได้ร่วมนำเสนอข้อเท็จจริงนี้ต่อเจ้าหน้าที่กัมพูชาเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเธอเล่าว่า เจ้าหน้าที่ตกใจกับข้อเท็จจริงนี้อย่างมาก และว่า เนื้อสุนัขถือเป็นตลาดที่ใหญ่มากในประเทศนี้
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การที่เนื้อสุนัขมีราคาแพงตกกิโลกรัมละ 2-3 ดอลลาร์ ทำให้มีผู้จัดหามาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก
ทางด้านนักวิจัยชี้ว่า การค้าเนื้อสุนัขดังกล่าว ทำให้เกิดวิกฤติสุขภาพระดับชาติ เพราะเนื้อสุนัขเหล่านี้อาจมีเชื้อโรคแอบแฝงอยู่ ซึ่งที่ผ่านมา กัมพูชาก็ติดกลุ่มประเทศที่มีอัตราผู้ป่วยโรคกลัวน้ำสูงที่สุดในโลก และผู้ป่วยส่วนใหญ่ป่วยโรคนี้เพราะโดนสุนัขกัด
