“ทีดีอาร์ไอ” จับมือเมล์เดย์-กรมการขนส่งทางบก เวิร์คช็อป เรียงเบอร์ “เลขสายที่คิดออก” เปิดให้ผู้ใช้งานร่วมออกแบบเลขสายรถเมล์ เตรียมรับการปรับเส้นทางใหม่ หนุนการปฏิรูปรถเมล์ไทย ตอบสนองผู้ใช้งาน
เมื่อเร็วๆนี้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ร่วมกับ “กลุ่มเมล์เดย์” และกรมการขนส่งทางบก จัดเวิร์คช็อป เรียงเบอร์ “เลขสายที่คิดออก” ส่วนหนึ่งของกระบวนการออกแบบเลขสาย มีผู้ใช้บริการรถประจำทางสาธารณะจริง เข้าร่วมกว่า 50 คน มาร่วมออกแบบ ซึ่งจะนำผลงานทั้งหมด ไปพัฒนาต่อยอดร่วมกับผู้ประกอบการ กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
โดยจะนำผลลัพท์ ” เลขสายที่ดีที่สุด” 3 รูปแบบสุดท้าย มาให้ประชาชนทั่วไปได้โหวต และให้กรมการขนส่งทางบก พิจารณานำไปปรับเลขสายต่อไป คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในเดือน พฤศจิกายน 2562 และจะมีการประชาสัมพันธ์เส้นทาง และเลขสายใหม่ภายในเดือน มกราคม 2563
“กลุ่มเมล์เดย์” กลุ่มคนที่สนใจในเรื่องระบบขนส่งสาธารณะ ทั้ง รถ ราง เรือ มารวมตัวกันด้วยแนวคิดที่อยากจะแก้ปัญหาระบบขนส่งสาธารณะ ด้วยการที่ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกคน
นายกรวิชญ์ ขวัญอารีย์ สมาชิกกลุ่มเมล์เดย์ ให้ข้อมูลว่า ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงเลขสายรถเมล์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ประเทศไทยมีการแก้ไขเลขสายรถเมล์มาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง ในช่วงปี 2537 – 2560 แต่ครั้งนี้ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
เพราะเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการจำนวนมาก มาร่วมออกแบบเลขสายใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมให้ทันกับการให้บริการเส้นทางใหม่ ที่ช่วยให้รถเมล์ทำหน้าที่รับส่งเชื่อมต่อจากการเดินทางระบบอื่นอย่าง รถไฟฟ้าสถานีใหม่ที่จะเปิดใหม่เร็ว ๆนี้
กิจกรรมเวิร์คชอป นับเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้เลขสายทำหน้าที่สื่อสารให้ผู้ใช้บริการรถเมล์ สะดวกต่อการใช้งาน และพบว่า 3 อันดับข้อมูลที่ผู้ใช้งานเสนอให้เลขสายรถเมล์สื่อถึงมากที่สุด ได้แก่ ประเภทเส้นทาง จุดหมาย และ โซนวิ่ง
ทั้งนี้ปัญหารถเมล์ไทยเป็นปัญหาใหญ่ ที่จำเป็นต้องปฏิรูป เพราะโครงสร้างเมือง และพฤติกรรมการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผู้โดยสารที่ใช้รถเมล์ลดลง ในขณะเดียวกันจำนวนรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ส่วนบุคคลนั่ง เพิ่มขึ้นตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งก็เกิดจากเรื่องของคุณภาพรถเมล์ ประกอบกับในอนาคตที่รถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จครบทุกสาย ซึ่งทีดีอาร์ไอ ได้จัดทำแผนที่ คาดการณ์พบว่าจำนวนสายรถเมล์กว่า 70 % ทับเส้นทางรถไฟฟ้าเกิน 5 สถานีในแต่ละสายทำให้การประกอบการของรถเมล์ไม่มีประสิทธิภาพ
ดร. สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงแนวคิดการปฏิรูปรถเมล์ ประกอบไปด้วย 6 เรื่อง ได้แก่
- การปฏิรูปการกำกับดูแล
- การปฏิรูปเส้นทาง
- การปฏิรูปโครงสร้างการประกอบการ
- การปฏิรูปการให้ใบอนุญาต
- การปรับปรุงสภาพรถ
- กลไกสนับสนุนผู้ให้บริการ
กุญแจสำคัญ คือ การให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ รวมถึงกิจกรรมเวิร์คช็อปในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปเส้นทางการเดินรถ ที่จะทำให้เกิดเส้นทางเดินรถใหม่เร็ว ๆ นี้
ในส่วนของการปฏิรูปการกำกับดูแล จากเดิมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีบทบาททับซ้อน ทั้งกำหนดนโยบาย กำกับรถร่วม และให้บริการเดินรถ และที่ผ่านมาสัญญาเดินรถร่วม ที่ให้ผู้ประกอบการ มีการให้ หรือต่ออายุได้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกแบบแข่งขัน ดังนั้นจึงทำให้ผู้ประกอบการไม่มีแรงจูงใจ ในการปรับปรุงการให้บริการ เพื่อแข่งกับผู้ประกอบการรายอื่น
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงมีการปฏิรูปการกำกับดูแล ให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง เพื่อสร้างระบบการกำกับดูแล ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในขณะที่การปฏิรูปเส้นทาง มีจุดประสงค์ เพื่อลดปัญหาการจราจร และการแย่งผู้โดยสาร เนื่องจากโครงสร้างสายรถเมล์เดิม มีเส้นทางที่ทับซ้อนกัน ทำให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพ จากเส้นทางที่ทับกันตรงกลางเมือง การเปลี่ยนเส้นทางครั้งนี้ เป็นการปรับปรุงจากโครงสร้างเดิม เพื่อให้กระทบผู้ใช้งานน้อยที่สุด ลดการทับซ้อน และลดความยาวของเส้นทางที่ไม่จำเป็น