ยูบีเอส และพีดับเบิลยูซี เผยผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อปีที่แล้ว กลุ่มบุคคลที่ติดอันดับมหาเศรษฐีที่มีฐานะร่ำรวยสุดของโลก มีสถานะที่ย่ำแย่ลงเล็กน้อย เพราะความวุ่นวายทางภูมิศาสตร์การเมือง และความผันผวนในตลาดหุ้น ทำให้ความมั่งคั่งของอภิมหาเศรษฐีเหล่านี้ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
รายงาน UBS/PwC Billionaires Report ระบุว่า ในปี 2561 มหาเศรษฐีทั่วโลกมีความมั่งคั่งลดลง 388,000 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 8.539 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีจำนวนมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ ร่วงลงหนักสุด
นายโจเซฟ สแต็ดเลอร์ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสุทธิสูงเป็นพิเศษ ของยูบีเอส ระบุไว้ในรายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีพันล้านลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา สาเหตุหลักมาจากเรื่องภูมิศาสตร์การเมือง
ความมั่งคั่งสุทธิของมหาเศรษฐีจีน ร่วงลง 12.8% เมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์ เพราะตลาดหุ้นที่ทรุดหนัก ประกอบกับเงินหยวนอ่อนค่าลง และเศรษฐกิจจีน ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ชะลอการเติบโตลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี จนทำให้มีมหาเศรษฐีหลายคนหลุดออกจากรายชื่อมหาเศรษฐีระดับพันล้าน
อย่างไรก็ดี สแต็ดเลอร์ชี้ว่า แม้ความมั่งคั่งจะลดลง แต่จีนก็ยังคงมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านรายใหม่เกิดขึ้นในทุกๆ 2-2.5 วัน
เขาบอกด้วยว่า ยุคเฟื่องฟูของการเกิดมหาเศรษฐีพันล้านได้ยุติลงแล้ว ตามการปรับทิศทางตามธรรมชาติ โดยเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ประกอบการความผันผวนอย่างมากของตลาดหุ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์การเมืองที่ยากลำบาก ล้วนแต่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่ฉุดความมั่งคั่งให้ลดลง
ในส่วนของภาพรวมทั่วโลกนั้น รายงานชี้ว่า จำนวนมหาเศรษฐีพันล้านลดลงในเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้นในทวีปอเมริกา ที่เจ้าของกิจการด้านเทคโนโลยี ยังคงได้แรงหนุนทะยานขึ้นติดอันดับบุคคลมั่งคั่งสุดของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง
“รายงานนี้ แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว มีมหาเศรษฐีระดับพันล้านอยู่ 749 คน ” นายจอห์น แมทธิวส์ หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการความมั่งคั่ง และธุรกิจที่มีมูลค่าสุทธิสูงเป็นพิเศษ ของยูบีเอส ในสหรัฐ ระบุ
นายไซมอน สไมลส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ลงทุน สำหรับลูกค้าที่มีฐานะมั่งคั่งมากเป็นพิเศษ คาดการณ์ด้วยว่า มีแนวโน้มที่ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีระดับพันล้าน จะกลับมาขยับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในปีนี้ แต่ขาขึ้นในครั้งนี้น่าจะเป็นไปอย่างเงียบๆ มากกว่าที่จะเกิดขึ้นเพราะตลาดการเงินเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก
