หลังจากบริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าซื้อแบรนด์ “หาญ” (HARNN) ในปี 2561 ที่ผ่านมา ล่าสุดพร้อมประกาศวิสัยทัศน์ ด้วยการวางเป้าหมายและแผนงาน 3 ปีของแบรนด์ HARNN ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ โดยคาดหวังว่าจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ที่จะผลักดันให้ธนจิราก้าวเป็น บริษัท ริจินัล ไลฟ์สไตล์ในระดับภูมิภาคเอเชียได้อย่างเต็มตัว
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาญ โกลบอล จำกัด เปิดเผยว่า แบรนด์ “HARNN” จะเข้ามาตอบโจทย์ด้านการขยายพอร์ตสินค้าสู่กลุ่ม Wellness & Beauty ทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง บาลานซ์พอร์ตธุรกิจภายใต้กลุ่มธนจิรา และลดการพึ่งพิงแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
สำหรับแบรนด์ “HARNN” ก่อตั้งขึ้นในปี 2542 ในฐานะผู้บุกเบิกบอดี้แคร์ สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์สปา และอโรมาเธอราพีแบบออร์แกนิครายแรกของไทย โดย 19 ปีที่ผ่านมาได้ขยายสาขาไป16 ประเทศทั่วโลกรวมกว่า 40 สาขา นับว่าเป็นแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพทั้งด้านความแข็งแกร่ง มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน อยู่ในตลาดมานาน และมีฐานผู้บริโภคในหลากหลายประเทศ
ปัจจุบัน ธนจิรา มีธุรกิจครอบคลุมสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายประเภท ได้แก่ แฟชั่น, จิวเวลรี, แอคเซสเซอรี่ รวมถึง ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และผลิตภัณฑ์ความงาม โดยมีแบรนด์ภายใต้การบริหารรวมทั้งสิ้น 5 แบรนด์ ได้แก่ “แพนดอร่า” (PANDORA) “มารีเมกโกะ” (MARIMEKKO) “แคท คิดสตัน” (CATH KIDSTON) รวมถึงเป็นเจ้าของแบรนด์ “ทิลด้า” (TILDA) และ “หาญ” (HARNN)
ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาหลังจากการนำแบรนด์ “HARNN” เข้ามาในเครือ ได้พัฒนาแบรนด์ใน 3 ด้าน ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับทิศทางการขยายธุรกิจของ HARNN, การสร้างความชัดเจนของกลุ่มธุรกิจย่อยของ HARNN และ การสร้างบุคลากรที่แข็งแกร่ง มีความเข้าใจแบรนด์ และเข้าใจทิศทางการบริหารของธนจิรา เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของ HARNN และฉลองความสำเร็จ พร้อมเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 แบรนด์ HARNN จึงประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็น “ผู้นำการส่งมอบประสบการณ์ และอัตลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัยผ่านผลิตภัณฑ์ความงามธรรมชาติ 100% ในระดับภูมิภาคเอเชีย” พร้อมทั้งวางแผนโรดแมป 3 ปี (ปี 2563-2565) โดยแบ่งการรุกตลาดเป็น 3 เฟส
สำหรับ เฟสแรก ในปี 2563 จะเร่งเดินหน้าขยายตลาดในประเทศไทยให้เพิ่มขึ้น ตามด้วย เฟสที่สอง ในปี 2564 มุ่งเสริมศักยภาพเครือข่ายพันธมิตร และร้านตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต และเฟสที่สาม ปี 2565 จะเดินหน้าสร้างความชัดเจนให้กับกลุ่มธุรกิจของ HARNN ทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มร้านค้าปลีก (Retail Store), กลุ่มธุรกิจบริการ (Hospitality) และกลุ่มสปา ภายใต้กลยุทธ์ “HARNN Holistic” ในการขับเคลื่อนแบรนด์แบบองค์รวม ผ่านแผนเชิงรุก 3 ด้าน
กลยุทธ์แรก คือ ด้านแบรนด์ดิ้ง ซึ่งจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์ โดยนำเสนอคุณค่าของแบรนด์ ที่เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติระดับลักชัวรี่ที่ผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัย การสร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั่วโลก ด้วยการพลิกโฉมสโตร์ใหม่ภายใต้แนวคิด “The New Era of Thainess” และ สร้างการจดจำให้แบรนด์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ กลิ่น, การมอง จากการดีไซน์ร้าน, สัมผัส ด้วยการเพิ่มโซนทดลองผลิตภัณฑ์ที่ครบครัน, รสสัมผัส จากการต้อนรับลูกค้าด้วยชาสมุนไพรใบหม่อน และเสียง ที่มีการคัดสรรเพลงบรรเลงสำหรับร้าน HARNN โดยเฉพาะ
กลยุทธ์ที่สอง ด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม โดยจะเจาะตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย การเปิดตัวคอลเลคชั่นใหญ่อย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี มุ่งสร้างความแตกต่างและสร้างจุดยืนของสินค้าโดยไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา และ ปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ให้เป็นหมวดหมู่ยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ที่สาม ด้านการขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดในประเทศไทย ซึ่งแผนโรดแมป 3 ปี จะมุ่งขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยเป็นอันดับแรก ตั้งเป้าขยายสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็น 50% ภายในปี 2565 จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 5% จากนั้นจะขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ไปยังกลุ่ม Y-W-N (Youth-Women-Netizens) ผ่านสื่อและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับการสร้างการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งจัดกลุ่มธุรกิจภายใต้ HARNN ให้ชัดเจนขึ้น
“การจะเป็นแบรนด์ระดับริจินัล เราต้องสร้างมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ทั้งด้านมาตรฐานร้านค้าตัวแทนจำหน่าย คุณภาพของสินค้า บริการ และราคา”นายธนพงษ์กล่าว
