“สม รังสี” แกนนำฝ่ายค้านกัมพูชา เดินทางกลับจากสนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ของฝรั่งเศสในวันนี้ (7 พ.ย.) ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินมายังไทย โดยอ้างว่า สายการบินปฏิเสธไม่ให้เขาเดินทาง
ก่อนหน้านี้สม รังสี หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) พรรคฝ่ายค้านหลักของกัมพูชา ได้โพสต์ภาพตัวเองขณะเก็บกระเป๋าเดินทางขึ้นบนโซเชียลมีเดีย พร้อมบอกว่า ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแผนการเดินทางของเขาได้ โดยเขากำลังเตรียมตัวที่จะเดินทางจากกรุงปารีส มายังกรุงเทพมหานคร ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และว่า รายงานข่าวอื่นๆ ที่ผิดไปจากนี้คือ ข่าวปลอม
สม รังสี เดินทางมาถึงสนามบินในเวลาราว 11.00 น. ตามเวลาในฝรั่งเศส เพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบินที่มีกำหนดเดินทางเวลา 12.30 น. โดยเขาตะโกนข้อความว่า “กัมพูชาจงเจริญ” และมีผู้สนับสนุนหลายสิบคนถือธงชาติกัมพูชามารอส่งเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวราว 10 คนว่า เขาโดนห้ามไม่ให้เช็คอินสำหรับเที่ยวบินของตัวเอง
“พวกเขาได้รับคำสั่งมาจากระดับสูงอย่างมาก ที่จะไม่ให้ผมขึ้นเครื่อง นี่คือสิทธิของผมในฐานะชาวกัมพูชา ผมเป็นพลเมือง ผมเป็นพลเมืองฝรั่งเศส ผมเป็นพลเมืองกัมพูชา” สม รังสีกล่าว พร้อมโชว์หนังสือเดินทางของตัวเอง
เขาบอกด้วยว่า จะทำการจองเที่ยวบินใหม่กับสายการบินอื่น ในความพยายามที่จะเดินทางมายังเอเชีย และจะหาจุดหมายปลายทางที่ใกล้ที่สุด เพื่อเดินทางกลับกัมพูชา
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.) ผู้นำพรรคซีเอ็นอาร์พี ได้ทวีตข้อความว่า เขาจะเดินทางออกจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่พำนักในปัจจุบัน ในวันที่ 7 พฤศจิกายน และจะเดินทางถึงกรุงเทพมหานครในวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน เพื่อเตรียมพร้อมเดินทางเข้ากัมพูชาในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พร้อมแสดงรูปตั๋วเครื่องบิน ที่จองไว้กับการบินไทย
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ข่าว vodenglish.news ของกัมพูชา ระบุว่า เมื่อนำรหัสการจองตั๋วเครื่องบิน ที่ปรากฎอยู่บนตั๋วเครื่องบินที่สม รังสี โพสต์ขึ้นบนโซเชียลมีเดีย พร้อมด้วยนามสกุลของเขา เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดในเว็บไซต์การบินไทย เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ ตามเวลาในกัมพูชา พบว่า การจองตั๋วของสม รังสี ลงรายละเอียดว่า เป็นการจองเที่ยวบินแบบไปกลับจากกรุงปารีส มายังกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9 -15 พฤศจิกายน
ฮุน เซน สั่งเฝ้าระวังสูงสุด
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา สั่งกองทัพเฝ้าระวังสูงสุด พร้อมสั่งกวาดล้างกลุ่มผู้สนับสนุน “สม รังสี” อดีตหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหลักของประเทศ หลังเจ้าตัววางแผนเดินทางกลับประเทศ
สม รังสี ซึ่งเดินทางไปอยู่ต่างประเทศมานานร่วม 4 ปี เพื่อหลบหนีการกวาดล้างทางการเมือง ได้ออกมาประกาศที่จะ “ฟื้นฟูประชาธิปไตย”ในกัมพูชา ด้วยการเดินทางกลับบ้านเกิดในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ (9 พ.ย.) หลังจากที่ทางการกัมพูชาได้เข้าจับกุมบรรดาผู้สนับสนุนซีเอ็นอาร์พี พร้อมประกาศที่จะจับกุมสม รังสีด้วย หากเขาเดินทางเข้าประเทศ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่สม รังสี ประกาศแผนการที่จะเดินทางกลับกัมพูชาเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บรรดาสมาชิกซีเอ็นอาร์พีก็ตกเป็นเป้าการกวาดล้างของเจ้าหน้าที่กัมพูชา ท่ามกลางรายงานถึงการปฏิบัติต่อผู้สนับสนุนเหล่านี้อย่างโหดร้าย
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลกัมพูชาได้เผยแพร่วิดีโอ ที่ เส่ง โสคร อดีตหัวหน้าพรรคร่วมของซีเอ็นอาร์พี กล่าวถึงสม รังสีว่าเป็นคนขายชาติ จุดชนวนให้เกิดการกล่าวหาว่า เขาถูกโดนบังคับให้พูด
ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย กลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมน ไรท์ วอทช์ แสดงความเห็นว่า การที่กัมพูชาจับกุมนักเคลื่อนไหวซีเอ็นอาร์พี และเคลื่อนกำลังพล รวมถึงเจ้าหน้าที่ครั้งใหญ่ บริเวณชายแดนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความสิ้นหวังของรัฐบาล
มาเลย์จับรองหัวหน้าพรรคซีเอ็นอาร์พี
วันนี้ (7 พ.ย.) ยังมีรายงานว่า “มู โสจู” รองหัวหน้าพรรคซีเอ็นอาร์พีได้ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซีย ควบคุมตัวไว้
ก่อนหน้านี้ โสจู ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่ออังกฤษ “เดอะ การ์เดียน”ว่า เธอจะไปพร้อมกับสม รังสี เมื่อเขาเดินทางกลับเข้ากัมพูชาครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งทางการกัมพูชาได้ออกหมายจับบุคคลทั้ง 2 นี้ ในข้อหาต่างๆ จำนวนหนึ่ง ที่บรรดาผู้สนับสนุนของพวกเขาระบุว่า มีแรงจูงใจจากเรื่องการเมือง
“เราจะไม่ยกเลิกแผนการของเรา ที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตย และสร้างสันติภาพ” โสจู กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา โสจูถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินสุวรรณภูมิของไทย ปฏิเสธไม่ให้เดินทางเข้าประเทศ ทั้งรัฐบาลกัมพูชายังได้แจ้งต่อประเทศเพื่อนบ้าน ขอความร่วมมือไม่ให้สม รังสีเดินทางเข้ากัมพูชา และเตือนสายการบิน 47 ราย ไม่ให้อนุญาตผู้นำฝ่ายค้าน หรือแกนนำพรรคซีเอ็นอาร์รายอื่นๆ ใช้บริการของสายการบินเพื่อเดินทางมายังกัมพูชา
โสจู ยืนยันว่า เธอยังมีแผนการที่จะเดินทางเข้ากัมพูชาโดยผ่านทางประเทศไทย และว่าเหล่าแกนนำซีเอ็นอาร์พี จะได้รับการสนับสนุนจากบรรดาแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย สำหรับแผนการนี้
“ควรที่จะถามนายฮุน เซนว่า เขาอยากจะฆ่าประชาชนของตัวเองอย่างนั้นหรือ เขาเรียกว่าสงครามอย่างนั้นหรือ เขาต้องการที่ถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศอย่างนั้นหรือ นายฮุน เซนต้องการที่จะใช้รถถังอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ประชาชนเผชิญหน้ากับกองทัพ แต่เป็นกองทัพกำลังเผชิญหน้ากับประชาชน” นางโสจู ระบุ
การตั้งคำถามดังกล่าว ยังเกิดขึ้นหลังเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 พ.ย.) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา เปิดเผยว่า กองทัพได้ดำเนินการฝึกซ้อมกำลังพล โดยใช้กระสุนจริงตามแนวชายแดนไทย และตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา มีนักเคลื่อนไหวของซีเอ็นอาร์พี ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 48 คน โดยถูกกล่าวหาว่าวางแผนที่จะโค่นล้มรัฐบาล
ขณะที่สม รังสี ระบุว่า การที่จะนำประชาธิปไตยกลับมาได้นั้น หมายความว่า จะต้องให้ระบอบการปกครองในปัจจุบัน ที่เป็นเผด็จการโหดร้ายยุติลง
อย่างไรก็ตาม แม้บรรดาฝ่ายค้านในกัมพูชาจะตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของสม รังสี แต่แม้กระทั่งกลุ่มคนวงในซีเอ็นอาร์พีเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่า ผู้นำของพวกเขาจะสามารถข้ามพรมแดนเข้ามาได้ ซึ่งเขม มโนวิธยา รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายกิจการสาธารณะของซีเอ็นอาร์พี กล่าวว่า การประกาศของสม รังสี ถือเป็นการทำประชาสัมพันธ์ที่สร้างความตกตะลึง
