“ไทย – จีน” ลงนามความเข้าใจระหว่างไทย-จีนรวม 3 ฉบับ ย้ำสัมพันธ์พี่น้อง ยืนยันความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน “บิ๊กตู่” ฝากสุภาษิต “มดน้อยบางครั้งสามารถช่วยพญาราชสีห์และพญาคชสารได้”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความเข้าใจระหว่างไทย – จีนรวม 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการและนวัตกรรม 2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมประชาสัมพันธ์ กับสำนักข่าวซินหัว และ 3.บันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท เอสซีจี จำกัด มหาชน กับศูนย์ความร่วมมือทางนวัตกรรมแห่งสถาบันบันฑิต ก่อนแถลงข่าวร่วมกัน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ซึ่งเป็นการเยือนที่เกิดขึ้นในปีที่มีความสำคัญ เป็นปีที่ไทยจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงเป็นประธานอาเซียน ขณะที่จีนเฉลิมฉลองการครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในสภาวะความผันแปรของสภาวะเศรษฐกิจโลก ตนและนายกรัฐมนตรีหลี่ได้หารือกันอย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนสถานการณ์ในภูมิภาคและในโลก
“ผมและท่านนายกรัฐมนตรีหลี่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างยุทธศาสตร์และกรอบความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ.2025 (MPAC 2025) และ ACMECS เป็นต้น กับข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีน ซึ่งก็คล้องกับยุทธศาสตร์ “Connecting the Connectivities” ที่ไทยเสนอ เรายังเห็นพ้องที่จะเชื่อมระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทยกับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง มาเก๊า – ฮ่องกง (จีบีเอ) ของจีนผ่านโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไกหารือระดับสูงระหว่างกันเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ ผมได้เชิญชวนให้จีนขยายการลงทุนในไทย ขณะเดียวกัน ได้ฝากให้นายกรัฐมนตรีหลี่ช่วยดูแลภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในจีน และดูแลเรื่องสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวขอบคุณที่ทางการไทยให้การต้อนรับอย่างมีน้ำใจ ซึ่งวันนี้ (5 พ.ย.) ได้หารือหลายประเด็นจนประสบความสำเร็จตามที่นายกรัฐมนตรีไทยได้แจ้งให้ทุกคนทราบแล้ว พวกเราได้บรรลุการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจด้านการเมือง โดยจีนพร้อมผลักดันไทยทุกเรื่อง
“ขอแสดงความยินดีกับไทยอีกครั้งที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ขณะที่เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) ได้มีการประชุมผู้นำ 15 ประเทศผ่านเวทีอาร์เซ็ปต์ (RCEP) และได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน จะเห็นได้ว่าในภูมิภาคนี้เรามีประชากรมากที่สุด มีศักยภาพในการพัฒนามากที่สุด และมีความพร้อมในการสร้างเขตการค้าเสรีในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่เราจะร่วมมือกันในการรักษาความมั่นคงเพื่อพัฒนาภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนต่อไป ซึ่งการหาแสวงหาความร่วมมือในเวที RCEP ต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรและอดทน การเจรจาระหว่างกันเหมือนการเตะบอลเข้าประตู ซึ่งขณะนี้บอลกำลังจะเข้าประตูแล้ว ผมจึงได้ย้ำกับพล.อ.ประยุทธ์ไปว่า เราต้องใช้ความพยายามต่อไป ต้องผลักดันให้ลูกบอลตกลงสู่พื้น เพื่อเข้าประตูไปในเร็ววัน และเรามั่นใจว่าปีหน้า RCEP จะประกาศข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ และคิดว่าบอลที่เตะเข้าประตูไปแล้วจะเปิดกว้างไปสู่ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย” นายกรัฐมนตรีจีน กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากสุภาษิตให้กับหลี่ เค่อเฉียงว่า “มดน้อยบางครั้งก็สามารถช่วยพญาราชสีห์และพญาคชสารได้” ซึ่งนี่คือสุภาษิตไทยที่ขอฝากไว้ และอยากฟังสุภาษิตจีนบ้าง”
โดยนายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า “ได้พูดตั้งแต่แรกแล้วว่าจีนกับไทยได้นั่งเรือลำเดียวกัน ซึ่งทั้งจีนและไทยมีความเหมือนกัน ถ้าดูจากประชากรและสภาพทางการเมือง การต่างประเทศก็ตรงกัน ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ เราจึงต้องมุ่งไปข้างหน้า เพื่อให้มีอนาคตที่กว้างไกลมากยิ่งขึ้น เราต้องอาศัยหลักการความเสมอภาคต่อกัน เอื้อประโยชน์ต่อกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดี และมีความเจริญก้าวหน้าด้วยกัน แม่น้ำเจ้าพระยาก็สามารถเชื่อมต่อไปถึงประเทศจีนได้ ซึ่งทั้งสองประเทศจะเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวตอบว่า “จะเป็นเรือเหล็กหรือเรือหางยาวเราก็จะไปด้วยกัน”
