แหล่งข่าวเผย จีนกำลังกดดันให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกการขึ้นภาษีต่อสินค้าจีน ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือนกันยายนมากขึ้น ส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้า “ส่วนแรก” ระหว่าง 2 ประเทศ
ข้อตกลงดังกล่าว ทึ่คาดว่าผู้นำจีน และสหรัฐ จะลงนามกันภายในเดือนนี้ คาดว่า จะรวมถึงการที่สหรัฐให้คำมั่นยกเลิกการขึ้นภาษีทุ่มตลาดต่อสินค้านำเข้าจากจีน อาทิ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์แลปท็อป และของเล่น มูลค่าราว 156,000 ล้านดอลลาร์ ที่กำหนดจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้
เจ้าหน้าที่สหรัฐ ระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังพิจารณาถึงเรื่องการยกเลิกการขึ้นภาษีดังกล่าวอยู่ ส่วนหนึ่งในการเจรจาการค้า
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าววงในการเจรจาอีกรายหนึ่ง ระบุว่า เจ้าหน้าที่เจรจาของจีน ต้องการให้สหรัฐยกเลิกการขึ้นภาษีทุ่มตลาด 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์ ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาด้วย ทั้งยังหาทางบรรเทาการขึ้นภาษี 25% ต่อสินค้าจีนมูลค่าราว 250,000 ล้านดอลลาร์ ที่จัดเก็บไปก่อนหน้านั้น ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องจักร และเซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์
แหล่งข่าวจากฝั่งจีนบอกด้วยว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังเดินหน้ากดดันสหรัฐ ให้ยกเลิกการขึ้นภาษีทุ่มตลาดทั้งหมดอย่างเร็วสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งนับตั้งแต่ที่สงครามการค้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้วถึงปัจจุบัน สหรัฐขึ้นภาษีาสินค้านำเข้าจากจีนคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว 550,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนจีนขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่ารวม 185,000 ล้านดอลลาร์
ทางด้านนายราล์ฟ วินนี ผู้อำนวยการโครงการจีน จากยูโรเซีย เซ็นเตอร์ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราว จะเป็นแรงหนุนให้กับเศรษฐกิจทั้งของจีน และสหรัฐ ทั้งยังทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะครั้งสำคัญในสายตาของกลุ่มเกษตรกรอเมริกัน ซึ่งเป็นคะแนนเสียงหลักในการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2560 รัฐบาลของเขาก็ได้เดินหน้ากดดันจีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้จำกัดการอุดหนุนมูลค่ามหาศาลต่อบริษัทรัฐวิสาหกิจ และยุติการบังคับบริษัทอเมริกัน ที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจในแดนมังกร ถ่ายโอนเทคโนโลยีให้กับบริษัทท้องถิ่น
บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ข้อตกลงส่วนแรกไม่น่าจะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเหมาะสม แต่จะมุ่งเน้นไปในเรื่องการให้จีนซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ที่เกี่ยวข้องเรื่องลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายการค้าเป็นหลัก ทั้งยังจะไม่เน้นความสำคัญในเรื่องการอุดหนุนอุตสาหกรรมด้วย
นายชาร์ลส์ บูสเตนี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐลุยเซียนา และที่ปรึกษาสำนักงานวิจัยเอเชียแห่งชาติสหรัฐ แสดงความเห็นว่า ข้อตกลงเริ่มแรกนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นข้อตกลงระยะสั้น และไม่มีเสถียรภาพด้วย
“แม้จะมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับข้อตกลงส่วนแรก แต่เราคิดว่า ข้อตกลงส่วนนี้ไม่น่าจะมีเนื้อหามากเท่าใดนัก ในแง่ของการแก้ปัญหาทางโครงสร้างใดๆ ส่วนใหญ่แล้วน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โดยที่จีนจะเดินหน้าทำในสิ่งตัวเองทำต่อไป”
