ฟุตบอลโลก2018 รอบรองชนะเลิศ คู่ที่สอง ระหว่าง อังกฤษ พบ โครเอเชีย ที่ลุชนิกี้ สเตเดี้ยม กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา
“สิงโตคำราม” ที่ผ่านมาถึงรอบนี้ได้เป็นครั้งแรกรอบ 28 ปียังใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงชุดเดียวกับเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ชนะ สวีเดน หลังได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ฟิตกลับมาลงสนามได้ทันเวลา
ขณะที่โครเอเชีย ที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีได้ ซิเม เวอร์ซัลโก้ ฟิตกลับมาลงช่วยทีมได้ แต่น่าจะเสียเปรียบในเรื่องสภาพร่างกายพอสมควร เพราะสองนัดที่ผ่านมาพวกเขาต้องเล่นเล่นจนถึงดวลจุดโทษมาตลอด
อังกฤษ มาได้ประตูออกนำเร็ว 1-0 เเพียง 5 นาทีแรกจากลูกฟรีคิกสุดสวยของ คีแรน ทริปเปียร์ จากนั้นอังกฤษเน้นเกมรับและรอจังหวะสวนกลับ มีโอกาสได้ประตูที่สองหลายครั้งแต่ก็พลาดไป ขณะที่โครเอเชีย ที่เป็นฝ่ายครองบอลบุกได้มากกว่า แต่ยังไม่มีโอกาสยิงแบบจะแจ้งมากนักแม้มีโอกาสยิงประตู 5 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียงครั้งเดียวทำให้หมดครึ่งแรกด้วนสกอร์นี้
ครึ่งหลังรูปเกมยังป็นโครเอเชียที่ครองบอลเข้าทำได้มากกว่าและมาได้ประตูตีเสมอในนาที 68 เมื่ออิวาน เปริซิช โฉบตัดหน้าไคลน์ วอล์คเกอร์ เข้ายิงลูกเปิดของซิเม เวอร์ซัลโก้ตุงตาข่าย จากนั้นเกมของอังกฤษที่เป็นนักเตะดาวรุ่งและหน้าใหม่กันหลายคนเริ่มปั่นป่วนต่อเกมกันแทบไม่ได้โดนโครแอตบี้เข้าใส่อย่างหนักแต่สุดท้ายก็ไม่มีประตูเพิ่มทำให้จบเกมเสมอกัน1-1ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30นาทีซึ่งเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันที่ฦดครแอตต้องเล่น120นาที
ช่วงต่อเวลาแม้โครเอเชียเริ่มป้อแป้แต่ได้ความเก๋ามาช่วยประคองขณะที่อังกฤษแม้จะสดกว่าแต่ก็เร่งไม่ขึ้นขาดแข้งประสบการณ์มาคุมเกมทำให้ต่อเกมไม่ไหลลื่นขาดๆเกินๆจนแทบหาโอกาสยิงไม่เจอก่อนที่จะเป็นมาริโอ มานด์ซูคิช สวมบทฮีโร่ยิงประตูชัยนาที 109 พาโครเอเชียเอาชนะไปได้ 2-1 เข้าไปชิงแชมป์โลกกับฝรั่งเศสในวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค.ส่วนอังกฤษฝันสลายไปชิงที่ 3 ปลอบใจกับเบลเยียมในวันเสาร์ที่ 14 ก.ค.
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไคลน์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, คีแรน ทริปเปียร์, เจสซี่ ลินการ์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดเล่ อัลลี, แอชลี่ย์ ยัง, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฮร์รี่ เคน (กัปตันทีม)
โครเอเชีย : ดานิเยล ซูบาซิช, ซิเม เวอร์ซัลโก้, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วิด้า, อิวาน สตรินิช, อิวาน ราคิติช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, อันเต เรบิช, ลูก้า โมดริช (กัปตันทีม), อิวาน เปริซิช, มาริโอ มานด์ซูคิช
