นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ผบ.ศอร.) แถลงปิดภารกิจ “พาหมู่ป่ากลับบ้าน” โดยระบุว่า ในการปฏิบัติงานครั้งนี้ ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือความสามัคคี ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดเชียงราย หรือประเทศไทย แต่เป็นความสามัคคีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรามาอยู่ตรงนี้ที่อำเภอแม่สายเพื่อช่วยชีวิต 13 หมูป่าออกมา เราทลายกำแพงภาษาและเชื้อชาติ การทำงานครั้งนี้ ก่อให้เกิดความร่วมมือที่ดีมากๆ
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะปิดภารกิจแล้ว แต่ยังมีเรื่องที่จะต้องทำต่อคือ ภารกิจการส่งกลับ ทั้งการส่งกลับ 13 หมูป่าที่แข็งแรง ปลอดภัยกลับบ้าน ส่งกลับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนให้กับกรมอุทยานฯ เพื่อฟื้นฟูสภาพป่ากลับมาเป็นสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง รวมถึงการส่งกลับอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ส่งมาช่วยเหลือ
“สิ่งสำคัญที่สุดอีกประการ คือความร่วมมือที่ดีมากๆ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี ความรู้ที่เอามารวมกัน มีการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือ แม้เราจะปิดภารกิจเราได้ แต่สิ่งที่เราต้องทำ คือ การส่งกลับ การส่งกลับยังต้องดำเนินการอยู่ ถูกส่งไปที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ อุทยานแห่งชาติต้องถูกส่งกลับไปที่กรมอุทยานฯ เพื่อให้สภาพป่ากลับมาเป็นสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง ขณะที่อุปกรณ์ที่ได้มาจากทั่วโลก เราต้องแจกแจงและคืนอุปกรณ์ไปทางหน่วยงานที่ส่งมา”
อย่างไรก็ตาม จากภารกิจในครั้งนี้ เราจะถอดบทเรียน ซึ่งไม่ใช่บทเรียนที่เกิดจากการกู้ภัยถ้ำธรรมดา เพราะถ้ำหลวงมีน้ำเต็มเกือบ 100% ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก และเป็นไปไม่ได้เลย เราจะถอดบทเรียนไปสอนเด็กๆให้รู้ถึงความอันตรายของถ้ำ ของน้ำ รวมถึงนำไปพัฒนาการกู้ภัยต่อไปในอนาคต
ผบ.ศอร. กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องขออภัยอย่างมาก คือ บางครั้งเราต้องเข้มข้น เราต้องเข้มในการควบคุมพื้นที่ บางครั้งอาจจะมองว่า เราปิดบัง ให้ข่าวช้า แต่ในสภาวะวิกฤต มีความเป็นตายของน้องในถ้ำ เราต้องตัดสินใจบนพื้นฐานความปลอดภัยของน้องๆ เป็นสำคัญ แต่ยืนยันว่า ข่าวที่ออกมาจากเป็นเรื่องจริงและยืนยัน 100%
“เราต้องยืนยันข่าว ซูมภาพหมูตัวที่เท่าไรออกไปแล้ว แต่เราไม่ได้แถลงข่าว เพราะเราต้องยืนยันความปลอดภัยของเด็กเป็นอันดับแรกก่อน ขอบคุณที่รอ ที่เข้าใจการทำงานของเรา ส่วนสื่อออนไลน์ดราม่า น้องเป็นพระเอกบ้าง เป็นผู้ร้ายบ้าง แต่เราไม่ได้มองเป็นความผิดของเขา ไม่ได้มองเป็นผู้ร้าย หรือฮีโร่ มองเป็นเด็กที่เดินเข้าไปในถ้ำตามวิสัยของเด็ก และเกิดน้ำเข้าถ้ำเท่านั้น” ผบ.ศอร. กล่าว
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในภารกิจครั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมากมาย เฉพาะนักดำน้ำต่างประเทศก็คิดเป็น 1 ใน 4 ของทีมปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้เรากำลังรวบรวมฐานข้อมูลทั้งหมด ว่าทั้งหมดเป็นใคร มาจากที่ใด เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นบทเรียน เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก เราจะได้รู้ว่าบุคคลากรที่มีคุณภาพอยู่ตรงไหน ขณะเดียวกันเรามีแผนที่จะพัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต
“วีรบุรุษตัวจริงก็คือ จ่าแซม หรือ จ่าเอกสมาน กุนัน คือ วีรบุรุษตัวจริงของเรา วันที่ทราบข่าวเราซึมเศร้า เสียใจ แต่เราเห็นความเสียสละของจ่าแซมแล้ว เราเอาจ่าแซม มาเป็นพลัง มุ่งมั่นเพื่อจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ อีกเรื่องที่น่าเสียใจ คือ ได้รับโทรศัพท์จากออสเตรเลีย ว่า คุณพ่อ ของ นพ.ริชาร์ด แฮริส เสียชีวิตในคืนที่ผ่านมา เราเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขอขอบคุณ ณ ที่นี้ หากไม่มี นพ.ริชาร์ด เชื่อว่าปฏิบัติการของเราคงไม่สำเร็จ” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
