สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตรา 0.25% เป็น 1.50%-1.75% ตามคาดวานนี้ โดยเป็นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 6 นับแต่เฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคมปี 2015
ขณะเดียวกันเฟดส่งสัญญาณว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้จะเกิดขึ้นอีก 2 ครั้ง เนื่องจากคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของเฟด ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2% โดยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อปี 2018 จะอยู่ที่ระดับ 1.9% ขณะที่ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายมีความกังวลว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 4 ครั้งในปีนี้ อันจะเป็นดำเนินนโยบายการเงินที่เคร่งครัดเกินไป
โดยแถลงการณ์การประชุมเฟดวานนี้ ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวในระดับปานกลาง ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่ผ่อนคลายลงจากในแถลงการณ์การประชุมเดือนมกราคมที่ระบุว่า เศรษฐกิจขยายตัวไปในอัตราที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ จากการรวบรวมการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯรายไตรมาสพบว่า ส่วนใหญ่ยังคงบ่งชี้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้จะอยู่ที่ 3 ครั้ง โดยมีเพียงครั้งเดียวที่ทำให้คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 4 ครั้งในปีนี้
ขณะเดียวกันในการประชุมวานนี้ เฟดระบุว่า จีดีพีสหรัฐฯปี 2017 ขยายตัว 2.7% ดีขึ้นจากที่ประมาณการครั้งแรกว่า ขยายตัว 2.5% และเพิ่มประมาณการการขยายตัวของจีดีพีปี 2018 จาก 2.1% เป็น 2.4% แต่คาดว่า การขยายตัวจะชะลอลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ในปี 2020 และจะขยายตัวในระดับ 1.8% ในระยะยาว
ทั้งนี้ เฟดระบุว่า การใช้จ่ายผู้บริโภค และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรโดยภาคธุรกิจในไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา
