Politics

‘DSI’ เร่งอายัดทรัพย์ ‘แม่มณี’

DSI รับคดี “แชร์แม่มณี”เป็นคดีพิเศษ จับมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมสอบปากคำผู้เสียหายทั่วประเทศ เร่งอายัดทรัพย์เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย 

คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แจ้งว่าสืบเนื่องจากกรณี กลุ่มประชาชนผู้เสียหายได้เข้ายื่นเรื่องต่อศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม ที่จัดตั้งขึ้นตามข้อสั่งการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล โดยร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญา กรณีการชักชวนออมเงินผ่านทางโซเชียลมีเดียร์ ในชื่อ “แชร์แม่มณี” จนมีผู้เสียหายกว่า ,800 คน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 400 ล้านบาท

ดีเอสไอ1

DSI ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและหลักฐานแล้วเห็นว่า เข้าข่ายการกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” หรือแชร์ลูกโซ่ ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และมีลักษณะเป็นคดีพิเศษ ตามประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ล่าสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่งให้เป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 เพื่อดำเนินการสืบสวนและสอบสวนคดีดังกล่าวตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 แล้ว

ภายหลังจากมีคำสั่งให้สอบสวนเป็นคดีพิเศษแล้ว พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบและคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบบัญชี ธุรกรรมทางการเงิน และทรัพย์สินของผู้ต้องสงสัยในทันที รวมทั้งเร่งอายัดทรัพย์สินไว้ เพื่อพิจารณาว่าส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และให้ประสานสำนักงาน ปปง. เพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายตามกฎหมายควบคู่ไปกับการสอบสวนดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดด้วย

ดีเอสไอ55

โดยเมื่อวันที่ 1  พฤศจิกายน 2562  ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและผู้บริหาร ได้เข้าพบและหารือกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อประสานความร่วมมือระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 22 ในการสนับสนุนการรวบรวมพยานหลักฐาน  ดังนี้

1. ขอให้แจ้งพนักงานสอบสวนในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำรวจว่าได้มีการรับคำร้องทุกข์ หรือดำเนินการสอบสวนคดีอาญา กรณีกล่าวหาว่า นางสาววันทนีย์ หรือเดียร์ ทิพย์ประเวช กับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 กรณีดำเนินธุรกิจ “แชร์แม่มณี” ไว้หรือไม่

หากมีการรับไว้ดำเนินการ ขอให้หัวหน้าพนักงานสอบสวน ส่งมอบสำนวนการสืบสวนสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใน 15 วัน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะจัดให้มีการหารือเกี่ยวกับรายละเอียดที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างพนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบสำนวนการสอบสวนต่อจากพนักงานสอบสวนต่อไป

แชร์แม่มณี

2. เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่อาจรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานได้โดยลำพัง  จำเป็นต้องขอความร่วมมือพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ในการรับคำร้องทุกข์และสอบสวนปากคำผู้เสียหาย รวมถึงรวบรวมหลักฐานประกอบคำให้การผู้เสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะกำหนดประเด็น แบบคำให้การ รวมถึงช่วงระยะเวลาที่กำหนดให้ผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน และส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษรวบรวมและดำเนินการสอบสวนต่อไป รวมทั้งประสานความร่วมมือในการสืบสวนและติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้นำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดี และการดำเนินการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเท่าที่จำเป็น

ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเร่งรัดจัดทำแบบคำให้การภายใต้พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และหลักฐานที่จำเป็นต้องรวบรวมจากผู้เสียหาย แจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อกระจายไปยังพนักงานสอบสวนทุกท้องที่ หลังจากนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษจะออกประกาศแจ้งกำหนดช่วงเวลาที่ให้ผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ถ้อยคำ  อาจมีกำหนดไม่เกิน 15 วัน เพื่อมิให้เป็นการเพิ่มภาระแก่พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติจนเกินสมควร จากนั้นจึงรวบรวมส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการต่อไป

แชร์แม่มณี22

การดำเนินการดังกล่าว เป็นการบูรณาการภายใต้พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ตามนโยบายรัฐบาล และนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อันเป็นการปฏิรูปการทำงานระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนไม่ให้ต้องเดือดร้อนในการเดินทางเพื่อมาให้การต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นการบูรณาการทรัพยากรในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมสำคัญ

ทั้งนี้ ผู้เสียหายทุกท่านยังสามารถลงทะเบียนข้อมูลผ่านระบบคิวอาร์โค้ด มายังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เช่นเดิม เพื่อจะได้มีข้อมูลสอบทานจำนวนผู้เสียหายและความเสียหาย และ กรมสอบสวนคดีพิเศษขอย้ำเตือนไปยังผู้เสียหายและพยาน ขอให้ร่วมมือให้ข้อเท็จจริงแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะผู้เสียหาย

หากมีเบาะแสในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือโทรสายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรักษาข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ

ขอบคุณ:ภาพ-เนื้อหาดีเอสไอ 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight