นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวหลังหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาตั๋วโดยสารร่วม โดยมีตัวแทนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ,สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ,สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ,ธนาคารแห่งประเทศไทย ,การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ,องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.),การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าจากการติดตามข้อมูลการพัฒนาตั๋วร่วม ที่ผ่านมา รฟม.ได้รับมอบหมายให้พัฒนาระบบตั๋วโดยสาร เชื่อมโยงบัตรธุรกรรมการเงิน ทั้งบัตรเครดิต และอีมันนี่ต่าง ๆ จากการหารือวันนี้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบแจ้งว่าต้องใช้เวลา18 เดือน เป็นเดือนเมษายน 2564 เห็นว่าใช้เวลานานเกินไป
อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับผู้ประกอบการเดินรถโดยเฉพาะบีทีเอส ที่ให้บริการบัตรโดยสารแรบบิท หากผู้ประกอบการจะดำเนินการให้บัตรโดยสารของตนที่มีอยู่ทั้งบัตรแรบบิทของบีทีเอส เอ็มอาร์ทีพลัสของ รฟม. บัตรแอร์พอร์ตลิงค์ รวมทั้งบัตรแมงมุม มีผู้ใช้บริการในระบบอยู่แล้ว ให้บัตรโดยสารทุกระบบสามารถนำไปใช้ข้ามระบบได้ เชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ที่สำคัญผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบาย
ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการทุกรายกลับไปศึกษาว่า การดำเนินการลักษณะดังกล่าวจะใช้เวลาเท่าใด ต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ เพื่อให้สามารถใช้ได้ 5-6 เดือน เมื่อทุกรายได้ข้อสรุปเพื่อกลับมารายงานที่ประชุมภายใน 2 สัปดาห์ หากเปรียบเทียบระยะเวลาทำ และเงินลงทุนไม่สูงมากเมื่อเทียบกับตั๋วร่วมระบบ EMV (Euro Mastercard Visa) ก็จะให้ที่ประชุมอนุมัติดำเนินการทันที บัตรอีเอ็มวีที่ รฟม.ดำเนินการจะดำเนินการต่อไป
สำหรับการดำเนินงานระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ (ETCS) ได้มอบให้ สนข. หารือกับ ทล. และ กทพ. เพื่อพัฒนาระบบ ETCS ให้เป็นระบบไร้ไม้กั้น (Non – Stop lane/Multi – Lane Free Flow) ซึ่ง สนข. จะผลักดันให้มีการพิจารณาจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมกับสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อศึกษาและจัดทำมาตรฐานกลางระบบ ETCS ของประเทศไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งศึกษาประเด็นด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบ ETCS ต่อไป
