สหรัฐส่งสัญญาณลดระดับการมีส่วนร่วมในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการส่งรัฐมนตรีพาณิชย์ “วิลเบอร์ รอส” เข้าร่วมในการประชุมผู้นำสัปดาห์ที่กรุงเทพมหานคร การเคลื่อนไหวที่สร้างความผิดหวังให้กับพันธมิตรในเอเชีย ท่ามกลางความกังวลถึงการขยายอิทธิพลของจีน
ทำเนียบขาวแถลงว่า ในการประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) การประชุมผู้นำสหรัฐ-อาเซียน และการประชุมธุรกิจอินโด-แปซิฟิก ที่เป็นการประชุมของเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้บริหารภาคธุรกิจนอกรอบการประชุมอีเอเอส ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในสัปดาห์นั้น นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้นำคณะเจ้าหน้าที่สหรัฐเดินทางมาเข้าร่วมการประชุม
พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้แต่งตั้งนายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติทำหน้าที่ทูตพิเศษในการประชุมสุดยอดทั้งหมด โดยมีนายเดวิด สติลเวลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกร่วมคณะด้วย
แม้จะระบุไว้ในรายงานยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐของปีนี้ว่า อินโดแปซิฟิค เป็นภูมิภาคเดี่ยวที่มีความสำคัญที่สุดต่ออนาคตของอเมริกา แต่รัฐบาลทรัมป์ก็ลดบทบาทของสหรัฐ ในการประชุมอีเอเอส และอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ทรัมป์เข้าร่วมการประชุมผู้นำสหรัฐ-อาเซียน ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2560 แต่เขาไม่เคยเข้าร่วมการประชุมอีเอเอสเต็มรูปแบบเลย โดยรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นตัวแทนฝั่งสหรัฐเข้าร่วมการประชุมนี้ที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว
บรรดานักการทูตเอเชีย แสดงความเห็นว่า การไม่มีผู้นำสหรัฐเข้าร่วมการประชุมที่กรุงเทพมหานครในสัปดาห์หน้า ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากไม่นับรวมเรื่องความผิดหวังของภูมิภาคที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความกังวลถึงการขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วของจีนแล้ว ยังจะทำให้เกิดคำถามตามมาด้วยว่า สหรัฐยังยึดมั่นในพันธกรณีที่มีต่อภูมิภาคนี้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ทรัมป์ นำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าความเป็นพันธมิตรข้ามแปซิฟิค (ทีพีพี) เมื่อปี 2560 หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานนัก
แมทธิว กูดแมน ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเศรษฐกิจเอเชีย จากศูนย์กลยุทธ์ และศึกษาระหว่างประเทศ (ซีซิส) ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองของสหรัฐ ระบุว่า การที่ผู้นำสหรัฐไม่เข้าร่วมการประชุมนี้ จะทำให้เกิดปัญหาที่แท้จริงขึ้น เช่นเดียวกับเอมี เซียร์ไรท์ ที่ปรึกษาอาวุโส ของซีซิส ที่เห็นว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นข่าวใหญ่ในเอเชีย ที่ไม่มีผู้นำอเมริกันเข้าร่วมการประชุม กับผู้นำอินโดแปซิฟิคอีก 17 ชาติ
