แนวโน้มรายได้ประชาชาติต่อหัวของคนไทย ปี 2531 หรือ 30 ปีอยู่ที่ 1,159 ดอลลาร์ต่อปี ล่าสุดปี 2560 ขยับมาอยู่ที่ 6,591 ดอลลาร์ต่อปี หมายถึงทิศทางความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น โดยฐานประชากรกลุ่มชนชั้นกลางมีจำนวนมากขึ้น
ขณะที่การลงทุนที่อยู่อาศัยช่วง 30 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปี 2531 มีมูลค่า 1.64 แสนล้านบาท ส่วนปี 2560 อยู่ที่ 1.05 ล้านล้านบาท ด้านราคาที่อยู่อาศัยย้อนหลัง 10 ปี ในปี 2551 มีจำนวน 61,946 หน่วย ราคาเฉลี่ย 11.45 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนปี2560 มีจำนวน 76,079 หน่วย ราคาเฉลี่ยขยับขึ้นมาที่ 13.90 ล้านบาท สะท้อนถึงความเป็นอยู่ของคนไทยที่ดีขึ้น
ชูสินค้าพรีเมียมตอบโจทย์ผู้บริโภคเปลี่ยน
รัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าโดยไม่ได้ดูจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการสินค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน แม้จะเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ แต่ผู้บริโภคต้องการสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะสินค้าพรีเมียม
ดังนั้นการสร้างประสบการณ์ผู้บริโภค (Customer Experience) มีความสำคัญอย่างมากในยุคนี้ ส่งผลให้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีความสำคัญมากขึ้น จากการใช้ข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์ความต้องการ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะผู้บริโภคในยุคนี้มี “อำนาจต่อรองและความคาดหวังสูง”ขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตและผู้ให้บริการสินค้าต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดี ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้
“จากปัจจัยการเปลี่ยนทั้งเศรษฐกิจ รายได้ประชากรและชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล อีเลคโทรลักซ์ วางกลยุทธ์ทำตลาดครึ่งปีหลังด้วยการยกระดับการใช้ชีวิตผู้บริโภคให้ดีขึ้น ด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียม ผ่านสินค้า 3 หมวด Taste, Care, Wellbeing“
ดัน“เครื่องครัว-ตู้เย็น”เป็นหัวหอกทำตลาด
ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (ไม่รวมโทรทัศน์) มีมูลค่าประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท ช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 3-5% กลุ่มสินค้าพรีเมียม มีส่วนแบ่ง 20% เพิ่มขึ้นจาก 10% ในช่วง 5 ปีก่อน
รัชตะ มองว่าในช่วง 3 ปีจากนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมจะมีส่วนแบ่งการตลาดขยับขึ้นต่อเนื่อง ในปี 2563 อยู่ที่ 30% จากแนวโน้มการขยายตัวของที่อยู่อาศัยในกลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกลุ่มพรีเมียมตามไปด้วย
ปัจจุบัน อีเลคโทรลักซ์ เป็นผู้นำสินค้า 3 หมวด คือ เครื่องซักผ้าฝาหน้า , เครื่องดูดฝุ่น และ ไมโครเวฟ ช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมส่งสินค้าใหม่กว่า 30 รุ่น ใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Taste (รสชาติ) หรือ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัว อาทิ เตาอบ เตาไฟฟ้า Induction เครื่องดูดควัน รวมถึงเครื่องปั่น เครื่องผสมอาหาร เป็นต้น, Care (การดูแลเอาใจใส่) หรือ ผลิตภัณฑ์ถนอมเนื้อผ้า ได้แก่ เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และเตารีด และ Wellbeing (สภาพความเป็นอยู่ที่ดี) หรือ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่ออากาศที่สดชื่น เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น และเครื่องทำน้ำอุ่น
ใน 2-3 ปีจากนี้ผลักดันสินค้ากลุ่ม เครื่องครัวและตู้เย็น หัวหอกทำตลาด วางเป้าหมายครองส่วนแบ่งการตลาด “ท็อป3”ในกลุ่มสินค้าดังกล่าว
รายได้โต2หลัก-สัดส่วนบีทูบีเพิ่ม
นอกจากการทำตลาดผู้บริโภคแล้ว อีเลคโทรลักซ์ มีการทำตลาดในรีเทลและกลุ่มบีทูบี ที่เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทุกปี ธุรกิจบีทูบี ขยายตัวทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย ซึ่งบริษัทเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการทุกราย ที่ปัจจุบันมีการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในการออกแบบที่อยู่อาศัย บิวท์อินเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน โดยใช้สินค้าของอีเลคโทรลักซ์ ช่วง 2-3 ปีก่อนสัดส่วนบีทูบี อยู่ที่ 5% ปัจจุบันอยู่ที่ 30%
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมายอดขายอีเลคโทรลักซ์เติบโตเฉลี่ย 11% ปีนี้คาดว่ายังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาและสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม
กลยุทธ์การตลาดในปีนี้ เน้นการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านการรีวิวและแบ่งปันประสบการณ์ผ่านสื่อออนไลน์
