Economics

‘PACE’ หนี้ท่วม! ลั่นพร้อมร่วมมือ ‘SCB’ ปรับโครงสร้างการเงิน

“PACE” หนี้ท่วม!! ยันแม้มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน แต่ยังมีมูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าหนี้ ลั่นพร้อมให้ความร่วมมือ “SCB” ปรับโครงสร้างการเงิน

pace logo

บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ระบุว่า บริษัทได้รับหนังสือแจ้งกรณีผิดนัดและให้บริษัทชำระหนี้จากธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จำนวน 2 ฉบับ ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2562 เนื่องจากการผิดนัดในมูลหนี้อื่น (Cross Default) คิดเป็นมูลหนี้รวม 6,781,961,454.26 บาท กำหนดให้ชำระหนี้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และจำนวน 1 ฉบับ ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2562 เนื่องจากแก้ไขเพิ่มเติมมูลหนี้จากหนังสือแจ้งผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกที่ได้รับหนังสือเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ส่งผลให้มูลหนี้ผิดนัดชำระหนี้ในครั้งแรกเพิ่มเป็น 2,697,339,168.35 บาท จากเดิม 2,645,126,806.88 บาท ซึ่งกำหนดให้ชำระหนี้ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562

ส่งผลให้ ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2562 บริษัทมีมูลหนี้ที่ได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,479,300,622.61 บาท คิดเป็น 44.98% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีหนี้ที่เกิดจากการผิดนัดผิดสัญญาภายใต้สัญญาสินเชื่อใด ๆ หรือเอกสารอื่นใด (Cross Default) แต่ยังไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้อีกเป็นจำนวน 2,504,624,516.21 บาท

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PACE ระบุว่า บริษัทได้ประสบกับความท้าทายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเงื่อนไขของเวลา และเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในคราวเดียวกัน ทำให้บริษัทเกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการและทีมผู้บริหารได้พยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด

อย่างไรก็ตามเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทได้รับหนังสือจากธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB แจ้งเรื่องการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ ที่มีอยู่กับธนาคาร ซึ่งบริษัทได้เรียกคณะกรรมการประชุมด่วนในเย็นของวันนั้น และคณะกรรมการได้อนุมัติรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งกำชับให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายจัดการเร่งทำการเจรจาและให้ความร่วมมือกับธนาคารในการทำแผนปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพในการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตต่อไป ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของบริษัท อันจะทำให้บริษัทสามารถกลับเข้ามาสู่ระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ และเน้นย้ำว่าการปรับโครงสร้างการเงินในครั้งนี้ ควรจะก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดแก่พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ หากแผนการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ของบริษัทสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จะทำให้บริษัทสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จได้

เชื่อว่าในขณะนี้บริษัทยังมีมูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ย กล่าวคือ มูลค่าทรัพย์สิน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 มีมูลค่ารวมกันประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยมีอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยการปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งนี้ มีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริษัทสามารถกลับมาก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จพร้อมส่งมอบได้

ด้านนายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า ธนาคารพร้อมเจรจากับ PACE จากการผิดนัดชำระหนี้กับธนาคาร ซึ่งการดำเนินการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ถือเป็นกระบวนการปกติ ทั้งลดดอกเบี้ย หรือ ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ แต่ยังต้องใช้เวลา และหวังให้บริษัทกลับมาทำธุรกิจได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ที่ผ่านมา PACE ถือเป็นลูกค้าที่ดีเสมอมา เพียงแต่ขณะนี้บริษัทมีปัญหาเพราะขาดสภาพคล่อง

Avatar photo