General

รู้ตัวมือป่วนระบบ ‘ชิมช้อปใช้’ แล้ว สั่งลากตัวเอาผิดด่วน!!

“รมว.ดีอี” ชี้มือมืดป่วนระบบลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” ชี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงโจมตี เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ พร้อมลากผู้กระทำผิดมาลงโทษด่วน

พุทธิพงษ์ 251062

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย  พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า  มีผู้ไม่หวังดีทำความผิดทางออนไลน์และออฟไลน์ สร้างเว็บไซต์ชิมช้อปใช้ปลอมขึ้นมาหลายเว็บไซต์ เช่น ชิมช้อปใช้ควิก.com  หรือ ชิมช้อปใช้.net  และเชิญชวนประชาชนเข้ามาลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก โดยจูงใจว่าจะมีความรวดเร็วมากกว่า www.ชิมช้อปใช้.com ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความหลงเชื่อเข้าลงทะเบียนในเว็บไซด์ดังกล่าวทำให้ประชาชนที่เข้าลงทะเบียนปกติไม่สามารถที่จะลงทะเบียนได้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดีและทำเป็นขบวนการ

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทราบแล้วว่าเป็นใครอยู่ในจังหวัดไหนและธนาคารกรุงไทยได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว เพราะถือว่าเป็นความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ส่วนวัตถุประสงค์ที่ทำคาดว่าเป็นการหาประโยชน์จากโครงการดังกล่าว

ส่วนระบบของธนาคารกรุงไทยมีความปลอดภัยสูง จึงสามารถตรวจสอบการกระทำผิดได้และรู้ว่าบุคคลที่เข้ามาเป็นใครบ้าง  และยังพบว่ามีบุคคลออฟไลน์ที่นำบัตรประชาชนและโทรศัพท์มือถือมาลงทะเบียนให้กับประชาชนจำนวน 40-50 ราย และหักค่าหัวคิวไป 200 บาท และจ่ายเงินให้กับเจ้าของบัตรประชาชนไป 800 บาท เป็นต้น ส่วนประชาชนที่ลงทะเบียนไปกับเว็บไซด์ปลอมถือว่าเป็นโมฆะ แต่สามารถที่จะกลับเข้ามาลงทะเบียนใหม่ในระบบปกติได้

นายผยง กล่าวว่า ประชาชนที่จะเข้าร่วมสิทธิในโครงการได้ จะต้องลงทะเบียนผ่าน www.ชิมช้อปใช้.com เท่านั้น และยืนยันว่า ระบบของธนาคารวางกระบวนการอย่างรัดกุม และมีความปลอดภัยข้อมูล โดยธนาคารได้ใช้เทคโนโลยีทางด้าน ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ชั้นสูง ในการป้องกัน ตรวจเช็ค และเดลต้าอานาไลติกส์ เพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ และการเก็บข้อมูลการเข้าถึงระบบด้วย

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  กล่าวว่า กำลังรวบรวมหลักฐานคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด ตามมาตรา 10  ของพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ปี 60 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง  หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับสูงสุด 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Avatar photo