ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (23 ต.ค.) ปรับตัวลดลงอย่างพร้อมเพรียงกัน หลังส.ส.อังกฤษ ปฏิเสธกำหนดเวลาของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นส้น ที่จะให้ผ่านร่างกฎหมายอย่างรวดเร็ว สำหรับข้อตกลงที่จะทำให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดลดลง 8.34 จุด หรือ 0.04% ที่ 22,540.56 จุด ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ลดลง 260.13 จุด หรือ 0.97% ที่ 26,526.07 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ขยับลงมา 9.44 จุด หรือ 0.32% ที่ 2,944.94 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ลดลง 23.33 จุด หรือ 0.74% มาอยู่ที่ 3,137.34 จุด
ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.)ที่ 26,788.10 จุด ลดลง 39.54 จุด หรือ 0.15% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,995.99 จุด ลดลง 10.73 จุด หรือ 0.36% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 8,104.30 จุด ลดลง 58.69 จุด หรือ 0.72%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เป็นแกนนำขาลงของตลาดเอเชียในวันนี้ หลังจากที่เท็กซัส อินสตรูเมนท์ส คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาสปัจจุบันจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ถือเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมไมโครชิพโลก กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก จากความต้องการที่ลดลง และสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน
ทางด้านราคาน้ำมันในตลาดเอเชียเช้าวันนี้ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวล่าสุด ลดลง 0.49% ที่ 59.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ของสหรัฐ ลดลง 0.64% ที่ 54.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
