ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (21 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่สหรัฐ และจีน ส่งสัญญาณถึงความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการค้า แต่ราคาหุ้นโบอิงที่ร่วงลงยังเป็นแรงกดดันดาวโจนส์อยู่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดขยับขึ้นมา 44.78 จุด หรือ 0.17% ที่ 26,814.98 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับขึ้น 17.50 จุด หรือ 0.59% ที่ 3,003.70 จุด และดัชนีแนสแด็กบวก 68.70 จุด หรือ 0.85% ที่ 8,158.24 จุด
ทึ่ปรึกษาทำเนียบขาว “แลร์รี คุดโลว์” ออกมาระบุว่า สหรัฐอาจจะยกเลิกการขึ้นภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน ที่กำหนดจะปรับขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ หากการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายเป็นไปด้วยดี ทำให้นักลงทุนมีความหวังเพิ่มขึ้นไปอีก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศก่อนหน้านี้ว่า 2 ประเทศ อาจลงนามข้อตกลงการค้ากันได้ราวกลางเดือนพฤศจิกายนนี้
สัญญาณบวกดังกล่าว หนุนให้ีราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีความอ่อนไหวต่อเรื่องการค้าทะยานสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ขาขึ้นของตลาดยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากราคาหุ้นโบอิง ผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่ของสหรัฐ ที่ร่วงลงมาถึง 4% จากการที่โบรกเกอร์หลายรายออกมาปรับลดสถานะหุ้นลงมา จากรายงานข่าวที่ระบุว่า อดีตนักบินทดสอบเครื่องบินของบริษัท อาจทำให้เจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบเข้าใจผิดอย่างไม่ตั้งใจ เกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องบินโบอิง รุ่น 737 แม็กซ์ ที่ถูกสั่งห้ามบินทั่วโลกในเวลานี้
ตลาดยังรอดูรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ขิงบริษัทรายใหญ่ๆ ในสัปดาห์นี้ รวมถึง โบอิง ไมโครซอฟท์ พร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิล (พีแอนด์จี) ยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส อิงค์ และแคทเทอพิลลาร์
