ศึกไทยลีกเดินทางมาถึงสองเกมสุดท้ายของซีซั่นแล้ว โดยความมันระดับ 5 ดาวคือการก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์แชมป์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี
ไม่ใช่การลุ้นแชมป์เท่านั้นที่ทำให้ไทยลีกปีนี้เพิ่มความลุ้นระทึกกว่าหลายปีที่ผ่านมาเมื่อกลุ่มตกชั้นยังไม่มีทีมไหนร่วงแบบ 100 เปอร์เซนต์ โดยตามทฤษฎีแล้วมีถึง 5 ทีมที่ต้องดิ้นหนีตาย ซึ่งเชียงใหม่ เอฟซี อาการโคม่าสุดเรียกว่าเผลอเหยียบสายอ็อกซิเย่นเพียงแค่วินาทีเดียวก็ถึงกับบอกลากันเลย
ว่ากันที่เรื่องลุ้นแชมป์กันก่อนดีกว่าถึงตอนนี้แม้จะยังดูไม่ออกม้าตัวไหนจะเข้าวินเมื่อแต้มห่างกันเพียง 2 แต้มเท่านั้น แต่บังเอิญเกมนัดรองสุดท้ายดันมีคู่ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รับมือ การท่าเรือ เอฟซี โดยตารางคะแนนปัจจุบัน ทุกทีมแข่งไปแล้ว 28 นัด บุรีรัมย์ มี 54 แต้ม, การท่าเรือ มี 52 แต้ม และ เชียงราย มี 52 แต้ม
ผลการแข่งขันที่สนาม ช้าง อารีน่า น่าจะบอกได้ว่าทีมไหนจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ ส่วนอดีตจ่าฝูงอย่าง “กว่างโซ้ง” ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะรวดทั้งสองเกมเท่านั้นแล้วแช่งให้ “ปราสาทสาฟ้า” สะดุด
เริ่มที่เกมบิ๊กแมตช์ บุรีรัมย์ พบ การท่าเรือ เกมนี้ บุรีรัมย์ หากบุรีรัมย์ชนะทุกอย่างก็น่าจะจบโทรฟี่แชมป์เตรียมไปวางรอที่เชียงใหม่ในอาทิตย์หน้าได้เลย
แต่ถ้าเกิดจบเกมด้วยผลเสมอหรือการท่าเรือหักปากกาเซียนบุกยัดเยียดความปราชัยให้บุรีรัมย์พ่ายคาบ้านเกมแรกรอบ 14 นัดในปีนี้ และแพ้เจ้าท่าคาบ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร แล้วเชียงรายชนะนี่แหละจะลุ้นกันระทึกคูณสองเมื่อความได้เปรียบจะหมุนกลับมาอยู่ในมือเชียงรายอีกครั้ง
กรณีบุรีรัมย์ได้แค่เสมอแล้วเชียงรายชนะจะมี 55 แต้มเท่ากันแต่ไทยลีกตัดสินแชมป์ด้วย Head to Head ซึ่ง “กว่างโซ้ง” ดีกว่าบุรีรัมย์และหากเจ้าท่าเก็บชัยได้แล้วเชียงรายชนะจะมี 55 แต้มเท่ากันแต่Head to Head เชียงรายก็ดีกว่าท่าเรืออีกเช่นกันพร้อมกับนำบุรีรัมย์ 1 แต้ม
อันนี้คือวัดกันที่ผลนัดที่29 ซึ่งหากเป็นไปตามกรณีด้านบ้านยังไงก็ต้องตัดสินแชมป์กันนัดสุดท้ายอยู่ดีเพียงแต่ถึงตอนนั้นความยากง่ายมันลดหลั่นลงไปแล้วแต่สถานการณ์ของคู่แข่งซึ่งสาวนใหญ่อยู่ในข่ายหนีตายกันทั้งนั้น
โปรแกรม ของ 3 ทีมลุ้นแชมป์
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ( 28 นัด 54 คะแนน )
- พบ การท่าเรือ เอฟซี (เหย้า)
- พบ เชียงใหม่ เอฟซี (เยือน)
การท่าเรือ เอฟซี ( 28 นัด 52 คะแนน )
- พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เยือน)
- พบ สมุทรปราการซิตี้ (เหย้า)
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ( 28 นัด 52 คะแนน )
- พบ พีที ประจวบ เอฟซี (เหย้า)
- พบ สุพรรณบุรี เอฟซี (เยือน)
สำหรับการแข่งขันในสองนัดสุดท้าย ทุกคู่จะแข่งขันในเวลาเดียวกัน 18.00 น โดยจะแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 20 และ วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม อย่างที่บอกข้างต้นในกรณีมีแต้มเท่ากันเมื่อจบฤดูกาลจะตัดสินแชมป์ด้วย Head to Head และหากมีทีมที่มีคะแนนเท่ากันสามทีม จะต้องมาวัดกันที่คะแนนมินิลีก ที่สามทีมพบกัน
ผลงานการพบกันโดยตรง ( Head to Head) ของทั้งสามทีม
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
– ผลงานพบ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
เสมอ 0-0 (เหย้า)
แพ้ 0-4 (เยือน)
– ผลงานที่พบ การท่าเรือ เอฟซี
ชนะ 3-1 (เยือน)
*นัดเหย้า แข่งวันที่ 20 ตุลาคม
การท่าเรือ เอฟซี
– ผลงานพบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แพ้ 1-3 (เหย้า)
*นัดเยือน แข่งวันที่ 20 ตุลาคม
– ผลงานที่พบ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
เสมอ 0-0 (เยือน)
แพ้ 1-4 (เหย้า)
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
– ผลงานพบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เสมอ 0-0 (เยือน)
ชนะ 4-0 (เหย้า)
– ผลงานพบ การท่าเรือ เอฟซี
เสมอ 0-0 (เหย้า)
ชนะ 4-1 (เยือน)
ขณะที่ 3 ทีมตกชั้นนั้นถึงตอนนี้ยังไม่มีทีมไหนต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่ไทยลีก 2 อย่างเป็นทางการแต่เมื่อมองตารางและโปรแกรมที่เหลือพอคาดการณ์กันได้ทีมไหนบ้างที่มีโอกาสโบกมือลาลีกสูงสุดเมืองไทยในปีนี้
นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ( 28 นัด 31 คะแนน )
- 20 ตุลาคม พบ ชัยนาท ฮอร์นบิล (เยือน)
- 26 ตุลาคม พบ สุโขทัย เอฟซี (เหย้า)
สุพรรณบุรี เอฟซี ( 28 นัด 29 คะแนน )
- 20 ตุลาคม พบ สมุทรปราการซิตี้ (เยือน)
- 26 ตุลาคม พบ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (เหย้า)
สุโขทัย เอฟซี ( 28 นัด 28 คะแนน )
- 20 ตุลาคม พบ ตราด เอฟซี (เหย้า)
- 26 ตุลาคม พบ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (เยือน)
ชัยนาท ฮอร์นบิล ( 28 นัด 27 คะแนน )
- 20 ตุลาคม พบ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (เหย้า)
- 26 ตุลาคม พบ ชลบุรี เอฟซี (เยือน)
เชียงใหม่ เอฟซี ( 28 นัด 24 คะแนน )
- 20 ตุลาคม พบ พีทีที ระยอง (เยือน)
- 26 ตุลาคม พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เหย้า)
จากคิวแข่งที่เหลือกาหัวเชียงใหม่ เอฟซี ไว้ก่อนเลยหนึ่งทีมที่ต้องตกชั้นเนื่องจากพวกเขาต้องชนะทั้งหมดแล้วแช่งให้ทีมที่อยู่เหนือกว่าทั้งชัยนาท,สุโขทัยและ
สุพรรณบุรีแพ้รวดทั้งสองนัดทุกทีมจึงจะรอดซึ่งหากเกิดขึ้นจริงมัน “โคตรปาฎิหาริย์” เลยหละ
ขณะที่อีก 3 ทีมที่เหลือหากทีมไหนเกิดสะดุดขึ้นมาก็เตรียมตีตั๋วตาม “พยัคฆ์ล้านนา” ได้เลย
สองนัดนี้แฟนบอลเมืองไทยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ไทยลีกไม่ได้ลุ้นระทึกแบบนี้มานานแล้ว!!!
