Economics

โอนคืนทุกรายแล้ว ‘พาณิชย์’ ชี้แจงชาวนา ธกส. ดึงเงินกลับตรวจสอบความถูกต้อง

“พาณิชย์”ชี้แจงเกษตรกรภาคใต้ หลังพบกรณี ธ.ก.ส. โอนเงินชดเชยรายได้ให้แล้ว แต่ดึงเงินออกจากบัญชีในทันที เหตุต้องตรวจสอบความถูกต้องให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของโครงการประกันรายได้ที่ ครม. กำหนด เพราะภาคใต้ เริ่มโครงการช้ากว่าภาคอื่น แต่ในที่สุด เมื่อพบว่าหากแจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งระยะเวลาเก็บเกี่ยวเอาไว้ ก็มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย จึงโอนกลับให้ทุกรายแล้ว

resize 5daa7a1a97697
วิชัย โภชนกิจ

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีมีชาวนาในพื้นที่ภาคใต้ที่เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวร้องเรียนว่าหลังจากมีการโอนเงินส่วนต่างประกันรายได้ข้าวเปลือกให้ชาวนาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และหลังจากนั้นเงินถูกดึงกลับไปในทันทีว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว เนื่องจาก ธ.ก.ส. ตรวจพบว่าการโอนเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ได้รับการชดเชยรายได้ 349,392 ราย จำนวนเงิน 9,413,244,883.40 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม มีการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรที่มีภูมิลำเนาในภาคใต้รวมอยู่ด้วย จึงได้ดำเนินการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากเกษตรกรดังกล่าวในวันเดียวกัน เพื่อสอบทานความถูกต้องให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์โครงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนด

ทั้งนี้ มติ ครม. กำหนดไว้ว่า ให้ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้เกษตรกรวงเงิน 20,940.84 ล้านบาท โดยโครงการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย และระยะเวลาที่จะใช้สิทธิขอชดเชยไว้ โดยเกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างที่ 1 เมษายน –31 ตุลาคม ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน –28 กุมภาพันธ์ 2563 และยังกำหนดกรอบระยะเวลาการขึ้นทะเบียนในแต่ละพื้นที่ให้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ส่วนการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง รายละเอียด วิธีการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงและระยะเวลาที่จะใช้สิทธิขอชดเชยกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2562–28 กุมภาพันธ์ 2563 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2563 โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป ยกเว้นเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เริ่มโครงการ และได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นผู้พิจารณากำหนด

“กรณีที่เกิดขึ้น ก็เพื่อให้เกิดความรัดกุม ป้องกันปัญหาเกษตรกรได้รับเงินชดเชยส่วนต่างก่อนระยะเวลาที่โครงการกำหนดไว้ และสาขาต้องติดตามทวงถามเงินคืนจากเกษตรกรในภายหลัง ส่งผลให้บัญชีเงินฝากของเกษตรกร จำนวน 2,473 ราย มีรายการเคลื่อนไหว มีเงินโอนเข้าและโอนออกจากบัญชีเงินฝากในจำนวนที่เท่ากันในระยะเวลาใกล้เคียงกัน”

อย่างไรก็ตาม หลังจากการตรวจสอบของ ธ.ก.ส. พบว่า ข้อมูลเกษตรกรที่ธนาคารโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของเกษตรกร จำนวน 2,473 ราย มีมูลเหตุและแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก เป็นเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ตามโครงการกำหนด ระยะเวลาที่จะใช้สิทธิ์ขอชดเชยส่วนต่างได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ -31 พฤษภาคม 2563 แต่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2562/63 รอบที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2562 เป็นต้นมา และแจ้งข้อมูลวันเก็บเกี่ยวข้าวก่อนวันที่ 16 ตุลาคม 2562

กลุ่มที่ 2 เป็นเกษตรกรที่มีภูมิลำเนาในเขตจังหวัดภาคใต้ แต่เปิดบัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. ไว้ในจังหวัดภาคอื่นๆ ซึ่งธนาคารพิจารณาแล้วเห็นว่าเกษตรกร ทั้ง 2 กลุ่ม เป็นผู้มีคุณสมบัติได้รับสิทธิ์รับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการได้ในรอบการโอนเงินวันที่ 15 ตุลาคม 2562 จึงได้ดำเนินการโอนเงินชดเชยส่วนต่างเข้าบัญชีเงินฝากให้เกษตรกรทุกราย จำนวน 2,473 ราย เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา

Avatar photo