Sport

แนวทางตรงกัน! ‘วู้ดเวิร์ด’ ยันธุรกิจเดินคู่ผลงานในสนาม ยันหนุน ‘โซลชา’

เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนกรานว่าไม่ได้บริหารทีมที่ให้ความสำคัญเรื่องธุรกิจมากกว่าผลงานในสนามแต่อย่างใด พร้อมย้ำคำเดิมไม่คิดเปลี่ยนกุนซือ

woodward
ภาพจาก : www.express.co.uk

นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกลา แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจบฤดูกาล 2012-13 “ปีศาจแดง” มีเพียงแชมป์บอลถ้วยอย่างเอฟเอ คัพ ,ลีกคัพ และ ยูโรปา ลีกเข้ามาประดับตู้โชว์เพิ่มอีกเพียงรายการละใบ ขณะที่เวทีพรีเมียร์ลีกยังไม่เคยเข้าใกล้กับคำว่า
ลุ้นแชมป์เลย แม้ฤดูกาล 2017-18 จะจบด้วยรองแชมป์แต่ก็ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 19 คะแนน

วู้ดเวิร์ด ซึ่งเป็นผู้บริหารที่ถูกมองว่าต้องรับผิดชอบกับผลงานที่ย่ำแย่โดยจตรง โดยเฉพาะถูกแฟนบอลมองว่าสเขาให้ความสำคัญกับเรื่องหาเงินเข้าสโมสรมากกว่าการทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีขุมกำลังที่ดีพอสำหรับการลุ้นแชมป์

วู้ดเวิร์ด กล่าวระหว่างการประชุมประจำปีร่วมกับเจ้าหน้าที่มากกว่า 400 คนของทีมว่า “ความจริงคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่มีอยู่สองส่วน ส่วนแรกคือเราเป็นสถาบันฟุตบอลที่มีอายุ 141 ปี ซึ่งมีทั้งประวัติศาสตร์, มรดก และวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่
แถมเรายังเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วย นั่นจะไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น โดยที่เราก็ต้องปกป้องเรื่องนั้นเป็นอย่างดีเช่นกัน และประเด็นสำคัญก็คือเรื่องธุรกิจมันไม่เคยมีความสำคัญมากกว่าเรื่องฟุตบอลเลย”

นอกจากนี้ วู้ดเวิร์ด ยังพูดถึงประเด็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โค้ชชาวนอร์เวย์กำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก หลังพาปีศาจแดงทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในซีซันนี้ เมื่อเก็บได้เพียง 9 คะแนน จาก 8 เกม รั้งอันดับ 12 ของตาราง ห่างจากทีมในโซนตกชั้น
แค่ 2 คะแนนเท่านั้น

“แผนงานของ โอเล่ ตรงกับเป้าหมายด้านฟุตบอล 3 อย่างของเราเป๊ะ นั่นคือเราต้องได้แชมป์, เราต้องเล่นเกมบุก และเราต้องให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งได้ลงสนาม”

“ช่วงกลางฤดูกาลก่อน หลังจากเขามาคุมทีม เรารู้สึกว่ามันใกล้เคียงกับสิ่งที่เราต้องการไปถึง เราเห็นทีมเล่นฟุตบอลที่รวดเร็ว ซึ่งแสดงถึงสไตล์และปรัชญาที่ผู้จัดการทีมต้องการอย่างชัดเจน”

“เขาสร้างทีมที่เคารพประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งนักเตะต้องทำงานหนักและเคารพเพื่อนร่วมทีม และไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร การเปลี่ยนแปลงในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทำให้เรากลายเป็นทีมที่หนุ่มมากๆ เราสามารถสร้างทีมและเติบโตขึ้นไปได้อีก ในการเดินทางครั้ง
ใหม่ของเรา”

Avatar photo