เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) ชูนวัตกรรมเอไอ และ คลาวด์ หนุนการเข้าสู่ยุคดิจิทัลไทย เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานหลายสิบล้านคน พร้อมเดินหน้าสู่ปี 2563 ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือการพัฒนาด้านนวัตกรรม การสร้างคอมมิวนิตี้ และการสร้างเนื้อหาที่โดดเด่นแตกต่าง
นายกฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เทรนด์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคก็มีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป โดยต้องการมีส่วนร่วมและสร้าง คอนเทนต์ในรูปแบบของตัวเอง
ดังนั้น ในปี 2563 เทนเซ็นต์จะมุ่งเน้นไปยัง 3 กลยุทธ์หลัก อันได้แก่ 1.การพัฒนาด้านนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคลาวด์ ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของทุกภาคส่วน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของทั้งปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และผู้บริโภค 2.การสร้างคอมมิวนิตี้ เชื่อมโยงการดำเนินชีวิตของคนในยุคดิจิทัลเข้ากับแพลตฟอร์มของเทนเซ็นต์ และ 3.การสร้างคอนเทนต์ออริจินัล ที่แตกต่างและโดดเด่นเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง
สำหรับด้านนวัตกรรมนั้น ปัจจุบันเทนเซ็นต์มีการพัฒนานวัตกรรมชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโซลูชัน และเทคโนโลยี อย่างเทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่ช่วยจัดการทางธุรกิจ ลดต้นทุน สะดวก ปลอดภัย และสร้างระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพให้กับทุกองค์กรได้แบบยั่งยืน ซึ่งการรุกสู่ธุรกิจคลาวด์มากขึ้นครั้งนี้ จะเป็นการขยายฐานลูกค้าเป็นบีทูบี หรือจับภาคธุรกิจมากขึ้น จากปัจจุบันที่แพลตฟอร์มของบริษัทจะเน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไป หรือบีทูซี เป็นหลัก
ในส่วนของการสร้างคอมมิวนิตี้ ในปี 2563 เทนเซ็นต์จะเน้นการสร้างคอมมิวนิตี้ให้กับเอ็นเตอร์เทนเมนท์แพลตฟอร์มของเราอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมทุกโมเม้นต์ทางดนตรีให้เข้ากับการดำเนินชีวิตของคนในยุคดิจิตัล ด้วย JOOX (จู๊กซ์) ที่จะเดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ทางดนตรีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเชิญกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ด้านต่างๆ เข้ามาร่วมบนแพลตฟอร์มผ่านฟีเจอร์ JOOX VDO Karaoke
ขณะที่ เทนเซ็นต์ เกมส์ ที่มีเกมดังระดับโลกอย่าง PUBG Mobile (พับจีโมบาย) และเกมใหม่อย่าง Chess Rush (เชสรัช) ก็จะเดินหน้าสร้างคอมมิวนิตี้ผ่าน อีสปอร์ต อีโคซิสเต็ม ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก เช่นที่ผ่านมามีการจัดอีเว้นท์เพื่อแข่งขันถึง 15 ครั้งใน 12 จังหวัด และส่งทีม ผู้แข่งขันชาวไทยเดินทางไปชิงชัยในระดับโลก เป็นต้น
ด้านการทำคอนเทนต์ออริจินัล จะร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ รวมไปถึงการสร้างกิจกรรมออนไลน์ทูออฟไลน์ (O2O) เพื่อสร้างประสบการณ์และเปิดโอกาสในการต่อยอดการสร้างคอนเทนต์ทางออนไลน์ เช่น WeTV แพลตฟอร์มให้บริการวีดีโอสตรีมมิ่งที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ในปีหน้าจะเน้นเรื่องการทำซีรี่ย์ ออริจินัล โดยมีโปรแกรมยักษ์ที่หลายคนรอคอย คือ “ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรี่ย์” และโปรเจ็คต์ใหม่ๆ ที่จะทำร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ยังมีการนำคอนเทนต์ที่เหมาะกับความนิยมของคนไทย มาต่อยอดนำเสนอกิจกรรมพิเศษ เช่น การจัดแฟนมีทติ้งให้แฟนๆ WeTV ได้เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง สำหรับ JOOX จะเดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ทางดนตรีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ใหม่ และการเพิ่มเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ใหม่ๆ ด้วย Collaboration Projects เชิญศิลปินที่มีแนวเพลงต่างกันมาทำงานร่วมกัน
“ในปีหน้า เทนเซ็นต์จะเดินหน้าใช้ดาต้าที่มีเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและเทรนด์ผู้บริโภค สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างประสบการณ์แบบ O2O อย่างแท้จริง รวมไปถึงพ็อดคาสต์ (Podcast) ที่จะมุ่งสร้างนักสร้างคอนเทนต์ บนพ็อดคาสต์สำหรับผู้ใช้งาน JOOX โดยเฉพาะ”นายกฤตธีกล่าว
ที่ผ่านมา เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) เน้นใช้กลยุทธ์การ “เชื่อมโยงทุกภาคส่วน” ทำหน้าที่เป็นคนกลางเชื่อมโยงคนในสังคม ผู้คนกับหน่วยงานธุรกิจ และระหว่างผู้บริโภคกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ที่สมบูรณ์ ครอบคลุมทั้งแพลตฟอร์มด้านเนื้อหาอย่างเว็บไซต์สนุก (Sanook), แพลตฟอร์มความบันเทิงและมัลติมีเดีย อย่าง JOOX (จู๊กซ์) ยอดดาวน์โหลดแอปฯ ที่ 70 ล้านครั้งและมียอดฟังเพลงกว่า 3 พันล้านครั้งในปี 2561 , WeTV (วีทีวี) ที่มียอดดาวน์โหลดเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านครั้งและเทนเซ็นต์ เกมส์ อย่าง PUBG Mobile มียอดดาวน์โหลดเกมทั่วโลกอยู่ที่ 400 ล้านครั้ง
ขณะเดียวกัน ยังมีในส่วนของโซลูชั่นและบริการอย่าง เทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่รองรับความต้องการของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนพร้อมศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ในเมืองไทย รวมถึง TSA (Tencent Social Ads) ซึ่งเป็นเครือข่ายโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ของเทนเซ็นต์ และ Topspace ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลเอเจนซี่ครบวงจร
