“สิงโตคำราม” อังกฤษ ฟอร์มยังแรงต่อเนื่องหลังบดเอาชนะสวีเดนแบบสนุก 2-0 ผ่านเข้ารอบตัดเชือกฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี
อังกฤษ ขึ้นนำ 1-0 ในนาที30 จากจังหวะเตะมุม แอชลีย์ ยัง เปิดเข้าไปหน้าประตู แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โฉบเข้ามาโขกตัดหน้า เอมิล ฟอสเบิร์ก ตุงตาข่าย จากนั้นนาที 58 อังกฤษ ได้ประตูย้ำชัย2-0 เมื่อ เจสซี่ ลินการ์ด ตกบอลจากหน้ากรอบโทษฝั่งขวาให้ เดเล่ อัลลี สอดเข้าไปโม่งโล่งๆที่เสาไกลบอลแสกหน้าโรบิน โอลเซ่น นายด่านสวีเดนตุงตาข่ายส่งให้อังกฤษเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้เป็นหนแรกนับแต่ปี 1990
อีกคู่”เจ้าภาพ” รัสเซีย ดวล โครเอเชีย เป็นเกมสุดระทึกดราม่าหลัง “หมีขาว” มีฮึดไล่ตีเสมอในช่วง 120 นาทีแบบใจหายใจคว่ำช่วงท้ายเกม ก่อนจะมาตัดสินถึงขั้นฎีกาดวลจุดโทษ และเป็นโครเอเชียที่ยิงได้แม่นยำกว่าเบียดเอาชนะ รัสเซีย ไปได้อย่างตื่นเต้น 4-3 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ในรอบ 20 ปี นับแต่ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส
รัสเซียขึ้นนำ 1-0 ในนาที31 จากจังหวะที่ เชอรีเชฟ เล่นชิ่งกับ ซิวบา ก่อนยิงด้วยซ้ายจากระยะ 20 หลา บอลโค้งเสียบใต้คานอย่างสวยงาม แต่นาที 40 โครเอเชียตีเสมอ 1-1 เมื่อมาริโอ มานด์ซูคิช หลุดเข้าไปเปิดบอลเข้ากลางให้ อันเดรย์ ครามาริช โขกตุงตาข่ายขณะที่ครึ่งหลังทั้งคู่มีโอกาสพอๆกันแต่ยิงเพิ่มไม่ได้ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
นาที 101 โครเอเชียพลิกขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะเตะมุม ลูก้า โมดริช เปิดเข้ามาให้ โดมากอย วิด้า โขกเข้าไป พอเสียประตูรัสเซียโหมบุกหนักและมาได้เฮลั่นในนาที115 อลัน ซาโกเยฟ เปิดฟรีคิกให้ มาริโอ แฟร์นานเดส โขกตุงตาข่าย ทำให้จบเกม 120 นาที รัสเซีย เสมอ โครเอเชีย สุดมันส์ 2-2 ต้องดวลลูกจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะและเป็นโครเอเชียที่แม่นเป้ากว่าชนะ4-3 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ไปชนกับ อังกฤษ วันพุธที่ 11 กรกฎาคมนี้
