นับเป็นบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายและกระจายสินค้ามานานกว่า 163 ปี สำหรับบริษัท บอร์เนียว เทคนิเคิล (ประเทศไทย) จำกัด และครบรอบ 5 ปีของการอยู่ภายใต้เครือกลุ่มบริษัท โตโยต้า ทูโช และ กลุ่มบริษัท มโนยนต์ ซึ่งก้าวเดินนับจากนี้จะเดินหน้าสยายปีกรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำระบบไอทีเข้ามาพัฒนาการขายและการบริการ
นายชิเกรุ คาซาโอกะ ประธาน บริษัท บอร์เนียว เทคนิเคิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีตราสินค้าที่บริษัทดูแลมากกว่า 50 แบรนด์ และลูกค้าในแต่ละช่องทาง รวมกันมากกว่า 25,000 ราย อาทิ กลุ่มอุปกรณ์อะไหล่ยานยนต์ และสินค้าอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์งานก่อสร้าง อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฯลฯ มีศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าสาขารวม 9 แห่ง ครอบคลุมการให้บริการทั่วทั้งประเทศ
ทั้งนี้ หลังจากได้รับการสนับสนุนของผู้ถือหุ้น ทั้งกลุ่มบริษัท โตโยต้า ทูโช และกลุ่มบริษัท มโนยนต์ ทำให้บริษัทได้เป็นตัวแทนกระจายสินค้าจากประเทศต่างๆ ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้นโดยยอดขายไตรมาสที่ 3 ปี 2562 พบว่าเติบโตขึ้น 7 % และคาดว่าผลประกอบการรวมในปีนี้จะโต 8-10 %
สำหรับการรุกตลาดนับจากนี้ จะเน้นการพัฒนาบริหารซัพพลายเชน และเพิ่มศักยภาพในการทำการตลาด กิจกรรมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจและแนวโน้มความต้องการของตลาดที่จะต้องมีความรวดเร็วและหลากหลาย รวมทั้งการสรรหาสินค้านวัตกรรมต่างๆ ในอนาคต และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า
ด้านนายรัฐา อุรุโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์เนียว เทคนิเคิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า จากวิสัยทัศน์ของ บอร์เนียวฯ ที่จะเป็นผู้นำและสร้างการเติบโตธุรกิจให้กับพันธมิตรคู่ค้าในแต่ละแบรนด์สินค้า รวมทั้งการสร้างอรรถประโยชน์ ผลตอบแทนที่ดีต่อลูกค้า โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบริหารซัพพลายเชน และเพิ่มศักยภาพในการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจและแนวโน้มความต้องการของตลาดที่จะต้องมีความรวดเร็วและหลากหลาย รวมทั้งการสรรหาสินค้านวัตกรรมต่างๆ ในอนาคต
“การดำเนินธุรกิจในโลกปัจจุบันแตกต่างจากในอดีตเป็นอย่างมาก ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและผลิตภัณฑ์ได้ง่าย ความเร็วและข้อมูลในการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ บอร์เนียวฯ จึงต้องปรับเปลี่ยนบทบาทจากตัวแทนจัดจำหน่าย หรือผู้ค้าคนกลาง มาสู่การเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันให้คำปรึกษาแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์”นายรัฐา กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีไอทีเข้ามาผสมผสานกับสินค้าและบริการให้มีความแตกต่างที่สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากเล็งเห็นว่า รีเทลเลอร์แต่ละรายเริ่มส่งต่อธุรกิจให้กับรุ่นลูก ซึ่งเป็นเจเนเรชั่นใหม่ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาซัพพอร์ตเพื่อตอบโจทย์ให้กลุ่มรีเทลเลอร์รุ่นใหม่ได้สามารถสั่งตรงกับบริษัทได้เลย และยังสะดวกกับทีมขายที่สามารถสั่งของและเช็คสต๊อกได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันยังเป็นการบริหารซัพพลายเชน สามารถจัดการคลังสินค้าให้ใช้พื้นที่ได้อย่างเหมาะสม การเก็บรักษาที่ถูกต้อง ปลอดภัย การจัดส่งที่ตรงตามความต้องการ สามารถติดตาม ตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำฐานข้อมูลมาวิเคราะห์ ร่วมสร้างแผนการตลาดให้แต่ละสินค้าในช่องทางที่ต้องการ
พร้อมกันนี้ ยังเพิ่มกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทนำมาใช้ในการเพิ่มยอดขายด้วยกิจกรรมทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ที่สามารถสื่อสารกับร้านค้า ตัวแทนจำหน่าย รวมทั้งลงไปถึงผู้ใช้สินค้า ในรูปแบบต่างๆ เช่น เทรดโชว์ สัมมนา งานขอบคุณตัวแทน การกระจายสินค้า การดูแลจัดเรียงสินค้า กิจกรรม ณ จุดขาย การส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ การจัดทำ ดิจิตอล คอนเทนท์ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียล และการสร้างเครือข่ายธุรกิจ รวมถึง อีคอมเมอร์ซ แพลตฟอร์มของบริษัทเองในอนาคตอันใกล้
ด้านผลประกอบการปีที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า 3,100 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในแต่ละปีมากกว่า 10% โดยขึ้นอยู่กับสภาพตลาดและสินค้าใหม่ที่จะนำเสนอในแต่ละปี และยังมองโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตในประเทศเพื่อนบ้าน จากเครือข่ายของบริษัทฯ ที่มีอยู่รวมทั้งเปิดกว้างสำหรับสินค้าใหม่ที่เห็นศักยภาพการทำงานของบริษัท และสนใจที่จะเป็นพันธมิตร