เซ็นทรัลพัฒนา หรือ ซีพีเอ็น ซีพีเอ็น ประกาศแผน “สร้างงาน สร้างเมือง สร้างประเทศ” เป็น เซ็นเตอร์ ออฟ ไลฟ์ ของทุกจังหวัด คาด 5 ปี ลงทุนเกือบ 60,000 ล้านบาท ทั้งเปิดศูนย์ใหม่ พลิกโฉมและปรับสาขาเดิม รวมถึงโปรเจคร่วมทุน “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ที่จะแล้วเสร็จปี 2567
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ใน 5 ปีจากนี้ (2562-2567) ซีพีเอ็นจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 58,700 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนช่วงปี 2562-2565 รวมงบลงทุน 22,000 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มูลค่าลงทุนกว่า 36,700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 ขณะที่โครงการภายใต้บริษัท จีแลนด์ ย่านพระราม 9 อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาโครงการ
สำหรับโครงการภายใต้งบลงทุน 22,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 แบ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสใหม่ 3 แห่ง ในจังหวัดอยุธยา ศรีราชา และ จันทบุรี โดยโครงการ “เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา” ใช้งบลงทุน 6,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 47 ไร่ ภายในโครงการประกอบด้วย ศูนย์การค้า, ทัวร์ริสต์ แอทแทรคชั่น, โรงแรม, ที่พักอาศัย และคอนเวนชั่นฮอลล์ โดยนำเกียวโตโมเดลมาเป็นต้นแบบ เพื่อผลักดันอยุธยาให้เป็นหนึ่งในท็อป เดสติเนชั่นเมืองท่องเที่ยวซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวกว่า 8.2 ล้านคนต่อปี คาดพร้อมเปิดให้บริการไตรมาส 2 ปี 2564
ส่วนโครงการโครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา” ใช้งบลงทุน 4,200 ล้านบาท เพื่อให้เป็นจิ๊กซอว์ที่จะเชื่อมโยงศูนย์การค้าในเครือให้ครบทุกจังหวัดสำคัญในอีอีซี จากปัจจุบันที่เซ็นทรัลมีสาขาฝั่งตะวันออก เริ่มจากกรุงเทพ, ชลบุรี, พัทยา และระยอง พร้อมตั้งเป้าผลักดันศรีราชาให้เป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ที่จะมีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดในอีอีซี และจะเป็น ไมซ์ฮับ ของ อีอีซีเซ็นเตอร์ ภายในโครงการประกอบด้วย ศูนย์การค้า, คอนเวนชั่นฮอลล์, เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์, ออฟฟิศ และโรงแรมในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2564
อีกโครงการใหม่คือ โครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัลพลาซา จันทบุรี” มูลค่าลงทุน 3,500 ล้านบาท โดยเป็นรูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิด The Shining Gem of EEC Plus 2 โดยมีทั้งศูนย์การค้า, ตลาดจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น, คอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย รวมถึงพรีเมียม สปอร์ตคลับ และโซเชียล พาร์ค ริมน้ำ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจันทบุรีและตราด รวมทั้งรองรับอีอีซีอีกสาขาหนึ่ง โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2565
“สาขาใหม่ทั้ง 3 สาขา เป็นไปตามแผนเพื่อส่งเสริมการ “สร้างงาน สร้างเมือง สร้างประเทศ” เป็น เซ็นเตอร์ ออฟ ไลฟ์ ของทุกจังหวัด โดยซีพีเอ็นได้นำเอา 3 หัวใจหลักที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจ และกระจายความเจริญไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ คือ การท่องเที่ยว การพัฒนาตามโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และการเทรดดิ้งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศมาเป็นตัวแปรในการพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัท” นางสาววัลยา กล่าว
นอกจากนี้ ยังเตรียมยกเครื่องครั้งใหญ่ 2 โครงการ ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ลงทุน 1,600 ล้านบาท ทั้งด้านดีไซน์ การเพิ่มร้านค้าใหม่ๆ ปรับปรุงร้านค้าที่มีอยู่เดิม ความโดดเด่นที่สุดอยู่ที่การพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ “สวนเซ็นทรับ เพลิน พาร์ค” ขนาดใหญ่ถึง 37 ไร่ ให้เป็นเหมือนโอเอซิสของกรุงเทพตอนใต้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2565 และการพลิกโฉมเซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 26 ปี ด้วยงบลงทุน 1,600 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและรถไฟฟ้าสายสีชมพู คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2564
สำหรับงบที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาทจาก 22,000 ล้านบาท จะใช้สำหรับปรับปรุงและขยายพื้นที่อีก 12 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา พระราม 9, เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น, เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่แอร์พอร์ต, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัล มารีนา พัทยา, เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย และเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่
ในส่วนของโครงการร่วมทุน ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ถือเป็นแผนลงทุน 5 ปี เนื่องจากจะแล้วเสร็จในปี 2567 ใช้มูลค่าลงทุนกว่า 36,700 ล้านบาท รวมถึงการเดินหน้าศึกษาแผนพัฒนาโครงการภายใต้บริษัท จีแลนด์ ที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในปี 2561 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการย่านพระราม 9 ที่เตรียมประกาศโครงการยิ่งใหญ่เร็วๆ นี้ หวังพลิกย่านพระราม 9 ให้เป็น ศูนย์กลางธุรกิจ หรือ นิวซีบีดีแห่งใหม่ของกรุงเทพ
ปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 34 แห่ง (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 18 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 7 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง และโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 9 โครงการ ภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE และ “ฟิล พหล 34” (PHYLL PAHOL 34) และโครงการบ้านเดี่ยว “นิยาม บรมราชชนนี”
“ซีพีเอ็นมีแผนธุรกิจระยะยาวที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ ในทำเลศักยภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบอื่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก”นางสาววัลยา กล่าว
