ตระกูล “ปรีดาวิภาต” เป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 10 ปี จากผู้บุกเบิกรุ่นคุณพ่อที่เน้นสะสมที่ดิน มาสู่รุ่นลูกกับบริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่มี ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต หรือเฮียฮ้อ เป็นผู้อำนวยการบริหาร
มาวันนี้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลปรีดาวิภาต ขยายสู่ผู้บริหารรุ่นที่3 คือน้องชายคนเล็กของครอบครัวที่ชื่อ “ภาคย์ธนา ปรีดาวิภาต” หรือกล้า หนุ่มวัย 26 ปี ที่ก้าวขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการ ภาพัฒน์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทตั้งใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย
ภาพัฒน์ พรอพเพอร์ตี้ ดำเนินการพัฒนาอสังหาฯแล้ว 2 โครงการ
1.โครงการอาชิ เป็นการพัฒนาทาวน์เฮาส์ มูลค่า 150 ล้านบาท ทำเลย่านถนนประชาอุทิศ
2.โครงการ ชิเซน พัฒนาการ 32 เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง พัฒนาบนที่ดินกว่า 8 ไร่ เปิดราคาขายเริ่มต้นที่ 7.59 ล้านบาท เพิ่งจัดงานเปิดตัวไปสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มียอดขายล่วงหน้ากว่า 35% ตั้งเป้าว่าปีนี้จะขายได้ไม่น้อยกว่า 80% `
สานฝันพัฒนาอสังหาฯ
ภาคย์ธนา เป็นคนหนุ่มไฟแรง ที่ฉายแววความเป็นดีเวลลอปเปอร์มาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาเลือกศึกษาระดับปริญญาตรี ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หลักสูตร INDA (International Program in Design + Architecture) เรียนสายตรงด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม
แต่พอได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงานจริง ทำให้รู้ตัวเองว่า ไม่ได้ต้องการทำเพียงแค่การออกแบบ แต่มองในภาพรวมมากกว่า ภาคย์ธนา จึงตัดสินใจศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (MRE) เป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเส้นทางที่อยากก้าวเดิน ด้วยการเป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ช่วงปีท้ายๆ ของการเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี ภาคย์ธนา ได้เข้ามาช่วยงานของครอบครัว ที่ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ มีโอกาสเรียนรู้งานหลายอย่างในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ภาคย์ธนา ย้ำว่าเป็นการทำงานที่จริงจังและตั้งใจ กระทั่งค้นพบว่าตัวเองสนใจมากกว่าการออกแบบ เพราะงานบริหารด้านการเงิน การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ทุกสายงานเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญ น่าสนใจ และมีความท้าทายไม่น้อย
เป้าหมายของ ภาคย์ธนา ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่แค่อยากพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้มองเฉพาะเรื่องตัวเงิน และตัวเลขรายได้เท่านั้น แต่มองกว้างกว่านั้นคืออยากพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความยั่งยืน เอื้อประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง ไม่ได้คิดเพียงแค่ทำโครงการที่อยู่อาศัยออกมาแล้วขายไป ก็จบกระบวนการ ไม่ได้ต้องการเพียงแค่เป็นบริษัทจัดสรร แต่อยากทำให้ทุกโครงการที่พัฒนาออกมา เป็นคุณประโยชน์ต่อผู้อยู่อาศัยและชุมชน เป็นโครงการที่มีความยั่งยืน เป็นมิตรกับสังคม และสิ่งแวดล้อม
หนทางสู่เป้าหมายของ ภาคย์ธนา คือความตั้งใจและมุ่งมั่น ด้วยแนวคิดที่ชัดเจนว่าต้องทำได้ เพราะการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของคน
การสร้างสรรค์โครงการที่ดีเป็นมิตรต่อสังคมเป็นเรื่องที่ทำได้ มีความเป็นไปได้ทั้งในแง่ธุรกิจ และอุดมการณ์ คนรุ่นใหม่มีความคิดแปลกใหม่ มีรสนิยม ความชอบที่ต่างไปจากเดิม
การพัฒนาโครงการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย คือคำตอบของการเป็นดีเวลลอปเปอร์รุ่นใหม่
โฟกัสกลุ่มสตาร์ทอัพ-คนรุ่นใหม่
คนรุ่นใหม่ชอบอาชีพอิสระ หลายคนเป็นสตาร์ทอัพ เป็นฟรีแลนซ์ เป็นเอสเอ็มอี คนเหล่านี้มีไลฟ์สไตล์ที่ต่างไปจากเดิม การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนกลุ่มนี้ ต้องเน้นที่ฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์ ซึ่งโครงการ ชิเซน คือคำตอบที่ได้จากการสำรวจตลาดว่าเป็นรูปแบบที่อยู่อาศัยที่น่าจะตอบโจทย์กลุ่มนักบริหารรุ่นใหม่เหล่านี้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการค่อนข้างชัดเจน
ภาคย์ธนา ยังมองว่าธุรกิจสตาร์ทอัพมีหลายกลุ่ม หลายคนประสบความสำเร็จ ต้องการที่อยู่อาศัยที่จะมาตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัย และการใช้ชีวิต เขาจึงวางแผนพัฒนาโครงการ ชิเซน เฟส 2 เป็นโฮม ออฟฟิศ ในลักษณะอาคาร 4 ชั่นครึ่ง อีก 22 ยูนิต เปิดตัวที่ราคาขายประมาณ 11 ล้านบาท
โครงการชิเซน เฟส 2 น่าจะเป็นอีกโครงการ ที่ออกมาตอบโจทย์ตลาด ในทำเลถนนพัฒนาการ 32 ได้เป็นอย่างดี เพราะทำเลนี้ถือว่าอยู่ใกล้เมือง เดินทางสะดวกไปยังทำเลทองหล่อ ด้วยอุโมงค์ตัดใหม่ และรถไฟฟ้า 3 สาย ทั้งแอร์พอร์ตเรลลิงค์ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่กำลังจะก่อสร้าง และรถไฟฟ้าบีทีเอส
“ความสำเร็จของดีเวลอปเปอร์อื่นๆ อาจอยู่ที่ตัวเลขผลกำไร รายได้และผลประกอบการ แต่สำหรับผมอยากได้มากกว่านั้น คือความยั่งยืนของโครงการ ทำให้สังคมอยู่แล้วมีความสุข” ภาคย์ธนา กล่าว
