รัฐบาลจีนเพิ่มความช่วยเหลือให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ในความพยายามที่จะเร่งแก้ปัญหาเนื้อหมูขาดตลาด และบรรเทาความไม่พอใจของผู้บริโภคในเรื่องราคาอาหารพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น
เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า รัฐบาลจีนจะให้เงินช่วยเหลือสูงสุด 5 ล้านหยวน เพื่อการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย สำหรับโรงเลี้ยงหมูที่สร้างขึ้นใหม่ พร้อมให้ความช่วยเหลือในการขยายฟาร์ม ภายใต้แผนโรดแมพ 6 ข้อ เพื่อเพิ่มการผลิตเนื้อหมู ตามที่รัฐบาลเปิดเผยออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว
แผนการดังกล่าวของรัฐบาลจีน ยังเรียกร้องให้เพิ่มเงินอุหนุนสำหรับเกษตรกร ที่ต้องกำจัดหมูเพราะการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่าย และเป็นอันตรายถึงตาย
ข้อมูลของกระทรวงเกษตร และกิจการชนบทจีน แสดงให้เห็นว่า นับตั้งแต่ต้นปีนี้ การระบาดของโรคดังกล่าว ทำให้จำนวนหมูในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่เลี้ยงหมูมากสุดในโลก ลดลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จีนมีจำนวนหมูในประเทศลดลงไปถึง 38.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์จากราโบแบงก์ ธนาคารข้ามชาติจากเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า ปริมาณหมูในจีนอาจลดลงมากถึง 55% ในปีนี้ เพราะโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
ปริมาณหมูที่ลดลงสะท้อนว่า การจัดหาเนื้อหมูในจีนจะยิ่งตึงตัวมากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่า ผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบมากขึ้น จากราคาหมูที่แพงขึ้น ตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ขณะข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน แสดงให้เห็นว่า ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคาสุกรเป็นในจีนพุ่งขึ้นมาอีก 27 หยวนต่อกิโลกรัม มากกว่า 2 เท่าของราคาที่เพิ่มขึ้นอีก 11.9 หยวนในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งราคาเนื้อหมูที่แพงขึ้นนี้ ดันให้ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2.8% จากปีที่แล้ว
ความไม่พอใจของสาธารณชนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่จีนพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่า ได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อควบคุมวิกฤติเนื้อหมูแล้ว
“เนื้อหมู เป็นหนึ่งในอาหารที่มีความสำคัญที่สุดของจีน โดยกระทรวงต่างๆ กำลังทำงานร่วมกันเพื่อหามาตรการออกมา” หยู กังเจิ้น รัฐมนตรีช้วยว่าการกระทรวงเกษตร จีน ระบุ
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครสามารถพัฒนาวัคซีน เพื่อจัดการกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรได้ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า โรคนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของเอเชียที่จีน เมื่อกว่า 1 ปีมาแล้ว และปัจจุบันพบการแพร่ระบาดในประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศ หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกวา 3 ใน 4 ของเนื้อหมูที่ผลิตได้ทั่วโลก
ทางด้านเออร์แยน กุย นักวิเคราะห์จากเกฟแคล ดรากอนโนมิคส์ บริษัทวิจัยในฮ่องกง ชี้ว่า ประเทศอื่นๆ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสนี้จากการระบาดครั้งที่แล้ว และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า เมื่อพิจารณาถึงขนาด และมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ
