Opinions

ก้าวอย่างไรใน ‘โลกการค้า’ ที่ไม่เหมือนเดิม

Avatar photo
1066

ผลเจรจาที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน กำลังถูกชาวโลกเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทุกประเด็นมีความสำคัญ ถึงขนาดชี้ทิศทางเศรษฐกิจโลก และการค้าระหว่างประเทศทั้งปัจจุบันและอนาคต

41541 40050 800 auto jpg

ความสับสนและความไม่แน่นอนในการค้าโลกขณะนี้ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ในนโยบายการค้าของสหรัฐ ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก

ในอดีต ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สหรัฐยึดแนวนโยบาย “ตลาดเสรี” มาโดยตลอด ทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนการก่อกำเนิดความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) และต่อมาเป็นองค์การค้าโลก (WTO) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศ ส่งเสริมการแข่งขันการค้าอย่างเป็นธรรม โดยประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตามภายใต้ความตกลงต่างๆ ของ WTO ด้วย

แต่เมื่อทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 พร้อมกับนำนโยบายที่หาเสียงไว้ไปสู่การปฏิบัติทันที กลับสวนทางกับที่ผู้นำสหรัฐคนอื่นๆ ทำมา อย่างเช่น กรณีการออกคำสั่งถอนตัวออกจากข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) และขอเปิดเจรจาใหม่กับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) และที่มีผลกระทบกระเทือนเศรษฐกิจโลกมากก็คือ สหรัฐเปิดศึกการค้ากับจีน จนกลายเป็นสงครามการค้าตั้งแต่ 1 มีนาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา 19 เดือนแล้วที่ยังหาข้อยุติไม่ได้

นโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ มีความชัดเจนแบบไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป ปัจจุบันสหรัฐหันกลับไปใช้ระบบการปกป้องการค้า (Protectionism) ที่เคยต่อต้านมาตลอด โดยตั้งกำแพงภาษีกับประเทศคู่ค้า

นอกจากนั้น ยังขู่ด้วยว่าอาจถอนตัวออกจาก WTO หากไม่เปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติต่ออเมริกาให้ดีขึ้น ยิ่งทำให้เข้าใจได้ว่า สหรัฐกำลังลดความสำคัญต่อระบบการค้าพหุภาคีอีกด้วย

646044 afp donald trump
โดนัลด์ ทรัมป์

จากนี้ไป ผมมองว่า การค้าโลกจะไม่หวนกลับมาเหมือนเดิม แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว หรือได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดีใหม่อีกรอบในสิ้นปี 2020 ก็ตาม เพราะทรัมป์ได้ทำให้สังคมคนอเมริกันมองการค้ากับจีนเป็นเรื่องของความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจ ซึ่งมีผลให้นักการเมืองของสหรัฐไม่อาจกลับไปใช้นโยบายการค้าเดิมได้ และตราบใดที่ทรัมป์ไม่ได้กำหนดระเบียบการค้าระหว่างประเทศขึ้นมาใหม่ ความสับสนก็ยังคงอยู่ต่อไป

ดังนั้น เรื่องนี้ประเทศไทยต้องรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสิ่งที่ไม่ได้ก่อขึ้นเอง (Collateral damage) เราจึงต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์การค้าโลกแบบใหม่นี้ ซึ่งบางส่วนได้เกิดขึ้นกับจีนแล้ว อย่างเช่น ถูกกีดกันออกจากห่วงโซ่อุปทาน การย้ายฐานการผลิตจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่ง ด้วยเหตุผลของต้นทุนการผลิตสูงขึ้น กำแพงภาษี ข้อจำกัดทางการค้า และที่สำคัญเพื่อย้ายไปอยู่ใกล้กับประเทศที่มีผู้บริโภคจำนวนมาก อย่าง สหรัฐ ยุโรป และจีน

นอกจากนั้น ผมยังเชื่อว่า อำนาจในการกำหนดกฎกติกาทางการค้าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเช่นกัน แต่จะไปอยู่กับประเทศขนาดใหญ่ที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจสูง โดยบทบาทของ WTO จะถูกลดทอนอำนาจลง ซึ่งจะทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กเสียเปรียบ ไม่มีอำนาจต่อรองเหมือนเดิม ทำให้ประเทศเหล่านี้จำเป็นต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มการค้า อย่างเช่น RCEP หรือ CPTPP หรือข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคีที่กำลังจะเกิดขึ้น

สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จนสร้างความไม่แน่นอนกับเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องการได้เปรียบ-เสียเปรียบดุลการค้าเท่านั้น แต่มีเรื่องอำนาจ (Power) ภูมิศาสตร์การเมือง (Geopolitics) เทคโนโลยี เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ไทยจึงต้องมีนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าเชิงรุกที่ชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

p16s1 US China Trade War

อีกทั้งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะยากเย็นขึ้นอีกมาก ทีมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จึงต้องมีประสิทธิภาพสูง และพร้อมเข้าสู่กระบวนการแข่งขันทางการค้าที่เข้มข้นขึ้น พร้อมเจรจาต่อรองกับประเทศคู่ค้าที่อาจตั้งกำแพงภาษีนำเข้า หรือข้อจำกัดในทางการค้ากับสินค้าไทยด้วย

สงครามการค้าได้เกิดขึ้นแล้ว และไม่มีสัญญาณว่าจะจบลงเมื่อใด ขณะที่เศรษฐกิจโลกล้วนได้รับผลกระทบถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ประเทศคู่สงครามการค้า แต่ความคาดหวังจากชาวโลกว่า สหรัฐ และจีนจะสามารถเจรจาหาข้อยุติถาวรหรือชั่วคราวได้ และหันมาให้ความร่วมมือผลักดันให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวเพิ่มขึ้นก็ยังคงมีอยู่

แน่นอนว่า ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้การค้าโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทุกประเทศย่อมหนีไม่พ้นและต้องปรับตัว สำหรับประเทศไทยซึ่งอยู่ในจุดที่ดีกว่าหลายๆ ประเทศในโลก การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ถือว่าง่ายกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้

โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวไปถึงเป้าหมายได้ไม่ยาก หากเรามีนโยบายเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์การค้าที่ทันสมัยและชัดเจน เพื่อรับและรุกในกระแส “โลกการค้า” ที่ไม่เหมือนเดิม