นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 เป็นต้นมา ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงได้ทำให้ชาวเวเนซุเอลาหลายล้านคน ตกอยู่ในภาวะยากจน ต้องอดอยาก และสิ้นหวัง ราว 54% ของเด็กในประเทศมีภาวะขาดอาหาร ทั้งประชาชนในประเทศยังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ อาชญากรรม อัตราการตาย และการย้ายออกนอกประเทศขนานใหญ่
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามตามมาถึงสาเหตุที่ทำให้ ประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยมีฐานะมั่งคั่งสุดของอเมริกาใต้ ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
เฮนเคล การเซีย ยู นักเศรษฐศาสตร์เวเนซุเอลา บอกว่า ในปี 2541 ซึ่งเป็นปีก่อนที่ “ฮูโก ชาเวซ” อดีตประธานาธิบดีเวเนซุเอลา จะขึ้นมามีอำนาจนั้น เวเนซุเอลา ยังมีฐานะร่ำรวยอยู่ จากน้ำมันดิบที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
ชาเวซ นักประชานิยมผู้ให้คำมั่นถึงการทำให้ประชาชนหลายล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน ใช้ความได้เปรียบจากราคาน้ำมันโลกที่ค่อนข้างสูงในขณะนั้น ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ให้เงินสนับสนุนโครงการทางสังคมต่างๆ และนำเข้าสินค้าพื้นฐานอย่าง อาหาร และยา
แต่หลังจากที่ชาเวซใช้อำนาจยึดเปโตรเลออส เด เวเนซุเอลา ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของลาตินอเมริกา เมื่อปี 2546 ผลผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้การใช้จ่ายของรัฐบาลจะยังสูงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเวลาผ่านไป ความไม่สมดุลระหว่างรายได้ และค่าใช้จ่ายส่งผลต่อเศรษฐกิจทั้งหมดของเวเนซุเอลา
ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาต้องทรุดหนัก ว่าเป็นผลพวงจากการบริหารที่เน้น “ประชานิยม” เป็นเวลานานตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีชาเวซ ไล่มาจนถึงสมัยประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ผู้นำคนปัจจุบัน อีกทั้งรัฐบาลยังเข้าไปแทรกแซงตลาด บิดเบือนราคาสินค้ามาตลอด
ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เวเนซุเอลา มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 135.3% เป็นประเทศที่มีระดับเงินเฟ้อสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากซิมบับเว โดยในเดือนนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของเวเนซุเอลา เพิ่มขึ้นมาถึง 65.2%
วิกฤติเวเนซุเอลา
เงินเฟ้อขั้นรุนแรง
ขาดแคลนอาหาร ยารักษาโรค
ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ ไม่มีน้ำสะอาดใช้
สงครามกลางเมือง คนเสียชีวิตจำนวนมาก
คนหนีตายออกนอกประเทศ
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟ ยังได้ออกมาปรับคาดการณ์เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาในปีนี้ มาอยู่ที่หดตัว 35% เพิ่มขึ้นจากที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนเมษายนว่าจะหดตัวราว 25% ผลจากการดิ่งลงอย่างหนักของผลผลิตน้ำมัน ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 70 ปีไปแล้ว
สถาบันบรูกคิงส์ กลุ่มวิจัยชั้นนำของสหรัฐ ออกรายงานที่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับไอเอ็มเอฟว่า เวเนซุเอลากลายเป็นตัวแทนให้เห็นว่าการทุจริตของเจ้าหน้าที่ การบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด และการปกครองซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตย สามารถนำไปสู่ความทรมานอย่างกว้างขวางได้อย่างไรอย่างแท้จริง
ในปี 2553 ชาเวซประกาศ “สงครามเศรษฐกิจ” เนื่องจากความขาดแคลนที่เพิ่มขึ้นในประเทศ วิกฤติดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นภายใต้รัฐบาลมาดูโร ผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงช่วงต้นปี 2558 และปริมาณการผลิตน้ำมันของประเทศที่ลดลง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาและการลงทุน
การหดตัวของจีดีพีประชาชาติ และต่อหัวในเวเนซุเอลาตั้งแต่ปี 2556–60 รุนแรงกว่าสมัยสหรัฐระหว่างภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือของรัสเซีย คิวบา และอัลเบเนียหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
วิกฤติดังกล่าวมีผลต่อชีวิตของชาวเวเนซุเอลาโดยเฉลี่ยทุกระดับ ในปี 2560 ความอดอยากรุนแรงถึงขั้นที่ประชากรเกือบ 75% ของประเทศมีน้ำหนักลดลงกว่า 8 กิโลกรัม เกือบ 90% ยากจน และกว่าครึ่งมีรายได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการอาหารขั้นพื้นฐาน นับตั้งแต่เริ่มวิกฤติจนถึงปี 2560 ชาวเวเนซุเอลากว่า 2.3 ล้านคนออกนอกประเทศ และเวเนซุเอลา กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าคนสูงสุดในโลก โดยมีผู้ถูกฆ่า 90 ต่อ 100,000 คนในปี 2558
การที่รัฐบาลไม่ยอมรับว่าเกิดปัญหาขึ้น และปราบปรามการคัดค้านอย่างรุนแรง นอกเหนือไปจากการคอร์รัปชัน การละเมิดสิทธิมนุษยชน และถูกกล่าวหาว่าโกงการเลือกตั้ง ทำให้เกิดการลุกฮือต่อต้านการปกครองของฝ่ายค้านนำโดย “ฮวน กุยโด” ที่ประกาศตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดี โดยมีสหรัฐหนุนหลัง เป็นสถานการณ์ที่ยิ่งทำให้ปัญหาในประเทศรุนแรงขึ้น และยังไม่วี่แววว่าจะแก้ไขได้ในเร็ววันนี้