ในโลกยุค 4.0 เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยอมรับว่าตัวเองนั้นไม่สามารถคาดเดารูปแบบการใช้ชีวิตในอนาคตได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นรอบตัวมากเกินไปจนยากจะระบุได้ว่า สิ่งประดิษฐ์ใดบ้างที่จะกลายเป็นเทรนด์ของอนาคต และจะเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราอย่างแท้จริง
แต่คงไม่ใช่สำหรับเรื่องของการเดินทาง เพราะค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า สิ่งที่จะเข้ามาแทนที่รถยนต์ธรรมดาในตอนนี้ก็คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือที่เราเรียกกันว่า EV โดยในเวทีเสวนาเรื่อง “The Future of Electric Vehicle (EV Car Smart Mobility), Innovation for the smart life” ที่จัดขึ้นวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เมื่อวานนี้ ได้มีการเผยถึงความพร้อมและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหากรถ EV ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นหรือแสนคัน
โดย นายวีรวัจน์ บัวทอง ผู้ช่วยผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวงได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้เอาไว้ว่า “มีคำถามเข้ามาเยอะว่าถ้ารถ EV เข้ามา ไฟฟ้าบ้านเราจะพอจ่ายไหม ผมยกตัวอย่างว่า สมมติเรามีนิสสันลีฟ 10,000 คันเข้ามาชาร์จไฟพรุ่งนี้พร้อมกันทีเดียว ระบบของเราก็ยังสบายมาก นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นที่พบว่า คนเรา 90% จะชาร์จไฟรถที่บ้าน ซึ่งเท่ากับว่าจะมีรถออกมาชาร์จไฟนอกบ้านแค่ 10% เท่านั้น เพราะฉะนั้นใครที่จะสั่งเข้ามา ขายในเวลานี้ หรือใครจะผลิต ลงมือได้เลย”
ด้าน ดร.ชนะ เยี่ยงกมลสิงห์ อุปนายกฝ่ายวิชาการ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เสริมว่า จริง ๆ แล้ว การใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อลดมลภาวะในเมืองกรุง แต่นอกจากข้อนั้น ยังมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้พัฒนาแบรนด์รถยนต์ของเราเอง เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทยมีแต่แบรนด์รถยนต์ต่างชาติเข้ามาตีตลาดตลอดเวลา โดย ดร.ชนะ ให้ทัศนะว่า ข้อดีในการใช้รถ EV มีดังต่อไปนี้
- มลภาวะในกรุงเทพลดลง
- ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
- การบำรุงรักษาไม่ยุ่งยากจุกจิกเหมือนรถยนต์กินน้ำมัน
มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย โดยข้อเสียของรถ EV ในเวลานี้ก็คือ
- เครื่องยนต์ไม่แรงเท่าที่ควร หรือถ้าออกแบบให้แรงมากขึ้น ก็จะไม่ช่วยประหยัดได้
- แบตเตอรี่ยังมีราคาสูง
- กฎหมายตอนนี้ยังไม่เอื้อให้จดทะเบียน – วิ่งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เราเห็นการใช้งานอยู่ภายในโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือโรงงาน เท่านั้น
ในเรื่องของราคาด้านนายชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นเนอร์จี โซลูชั่น เมเนจเมนท์ จำกัด ในกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) สถานการณ์เช่นนี้เหมือนไก่กับไข่ ถ้าอยากให้รถ EV ราคาถูกลง ก็ต้องเริ่มใช้งานเสียแต่ตอนนี้ ตลาดจึงจะเติบโตได้ และคุ้มค่าพอที่หลาย ๆ ธุรกิจจะมาร่วมลงทุน
โดยทั้งสามวิทยากรยังได้ร่วมฉายภาพอนาคตของรถ EV เอาไว้ด้วยว่าจะเป็นโลกที่
- แบตเตอรี่ราคาต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และรถยนต์ EV ก็จะถูกตามไปด้วยเช่นกัน
- รถ EV จะเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และทำให้คนตัดสินใจเดินทางไปในสถานที่ที่มีเครื่องชาร์จไฟฟ้าให้กับรถมากขึ้น เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ส่วนธุรกิจที่ไม่มีสถานีชาร์จไฟอยู่ใกล้เคียง อาจได้รับผลกระทบ
- รถ EV จะเป็นตัวสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นมาได้อีกมาก เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าตลอดทั้งทริป โดยกลุ่มเป้าหมายของตลาดนี้ ดร.ชนะ มองว่าเป็นกลุ่มคนต่างชาติ
- เทคโนโลยีแบตเตอรี่จะเป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้น ใครทำแบตเตอรี่ได้ดีกว่า ถูกกว่า จะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในอนาคต
ในด้านของความปลอดภัยนั้น วิทยากรทั้งสามท่านมองว่าจะได้รับการพัฒนาให้ก้าวไปอย่างต่อเนื่องแน่นอน เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่มารองรับในจุดนี้ออกมามากมายในปัจจุบันและอนาคต แต่สิ่งที่วิทยากรทั้งสามท่านฝากไว้ถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็คือเรื่องของการสนับสนุนในด้านงบประมาณ กฎหมาย รวมถึงการสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาในอุตสาหกรรมนี้ให้มาก ๆ เพื่อให้ทั้งหมดนำไปสู่การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมนั่นเอง
