ยืนยันบอร์ดปตท.เตรียมไฟเขียว “โออาร์” เข้าตลาดฯไตรมาส 4 พร้อมยื่นไฟลิ่งปลายปี เดินหน้าระดมทุนต้นปี 2563 มั่นใจเกิดประโยชน์เศรษฐกิจ-สังคม ตอบโจทย์ 3 ข้อกระทรวงพลังงาน
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าสำหรับการนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ขณะนี้การโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจากปตท.ให้โออาร์คืบหน้าไป 90% และอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจในอนาคต จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทปตท.ในไตรมาส 4 ปีนี้แน่นอน เพื่ออนุมัติให้โออาร์เข้าระดมทุน ขึ้นตอนต่อไปจะเป็นการยื่นแบบเสนอขายหุ้น (ไฟลิ่ง) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในปลายปีนี้ และเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกในปีหน้า
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า การดำเนินกิจการของโออาร์เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก แต่ก็ต้องถือว่าที่ผ่านมาโออาร์ก็สร้างเศรษฐกิจ พร้อมกับช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆมาโดยตลอด และทำต่อเนื่อง เท่ากับเป็นการตอบโจทย์ของกระทรวงพลังงาน 3 ข้อแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าการเข้าตลาดฯของโออาร์ก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้ง 1. เป็นความมั่นคงพลังงานของประเทศ 2. ก่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฐานราก และ 3. สร้างเข้มแข็งโดยขยายการเติบโตในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามการแบ่งภารกิจนั้น เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางพลังงานหลักๆ จะยังอยู่กับ ปตท.เช่น ปั๊มน้ำมันในสถานที่ราชการส่วนใหญ่ และคลังน้ำมันเพื่อความมั่นคง เป็นต้น รวมถึงภารกิจในการทำเพื่อสังคม ส่วนใหญ่จะอยู่กับปตท.
นายชาญศิลป์ กล่าวว่าการวางแผนธุรกิจของโออาร์ที่ต้องคำนึงถึง คือ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนน้ำมันในอนาคต โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งโออาร์ต้องเตรียมแผนเพื่อปรับตัวรองรับด้วย แต่เราก็เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆมาเป็นลำดับ จากการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ปรับมาเป็นเชื้อเพลิงผสม หรือไฮบริด หมายถึงใช้ทั้งใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงผสมระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ก่อนที่จะไปถึงยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ดังนั้นเรามีเวลาเตรียมตัว มั่นใจว่าภายใน 15-20 ปีนี้ เราจะยังอยู่ใยยุคของน้ำมันและไฮบริด อย่างไรก็ตามโออาร์ก็ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าไปพร้อมกัน
ส่วนปตท.ก็ให้ความสำคัญกับการลงทุนรถอีวี เพื่อเป็นธุรกิจใหม่ในอนาคต โดยที่ผ่านมามีความร่วมมือกับ WM Motors จากจีน ในการพัฒนารถอีวีร่วมกัน เบื้องต้นเมื่อผลิตรถอีวีออกมาแล้ว ก็ต้องผ่านการทดสอบใช้งานก่อน เพื่อให้ตลาดมั่นใจ โดยจะนำรถอีวีมาใช้ในกลุ่ม ปตท. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนอย่างชัดเจนในอนาคตภายใน 5 ปี
นอกจากรถอีวีแล้ว แบตเตอร์รี่ก็เป็นอีกธุรกิจที่ปตท.ให้ความสนใจ ปัจจุบันอยู่ในช่วงโครงการนำร่อง 2 โครงการ เป็นส่วนของ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมมือกับ 24M Technologies, Inc. ของสหรัฐ พัฒนาโครงการนำร่องแบตเตอร์รี่กักเก็บพลังงาน ( Energy Storage) จากพลังงานทดแทนตามโรงงานและบ้านเรือนต่างๆ ดำเนินการที่สหรัฐ และพัฒนาแบตเตอร์รี่รถยนต์ ที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ที่วังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง
นายชาญศิลป์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาปุ๋ยสั่งตัด เพื่อลดต้นทุนให้เกษตรกร ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ การทำเกษตรขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปุ๋ยเป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้นการผลิตปุ๋ยสั่งตัดจึงต้องดูทุกด้านอย่างรอบคอบ ทั้งสภาพพื้นที่ ภูมิอากาศ และชนิดของพืชที่ปลูก ซึ่งแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน รวมถึงต้องดูเรื่องการตลาดด้วย ผลิตแล้วจะไปถึงเกษตรกรได้อย่างไร เพื่อให้โครงการนี้มีความยั่งยืน เกษตรกรนำไปใช้ และได้ผลจริง