“ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร” เผยคนส่งเรื่องร้องเรียนทนายความ นับ 100 คดี หน้าที่ประธานกรรมการมรรยาททนายความสั่งตรวจสอบ ชี้โทษสูงสุด “ตระบัดสินลูกความ” ถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ
ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนกล่าวหาต่างๆ เข้ามาที่สภาทนายความฯ นับ 100 คดี ซึ่งตามขั้นตอนตรวจสอบข้อร้องเรียนมรรยาททนายความนั้น จะมีประธานกรรมการมรรยาททนายความเป็นผู้พิจารณาสั่งว่า จะรับเรื่องตรวจสอบไว้หรือไม่ หากสั่งรับเรื่อง ก็จะสั่งให้มีการสอบสวน
เมื่อมีการตรวจสอบแล้ว จะส่งผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการมรรยาททนายความ ร่วมพิจารณาทำความเห็น แล้วส่งรายงานเสนอมาที่คณะกรรมการสภาทนายความฯ เพื่อพิจารณาชี้ขาด หากถูกลงโทษผู้ที่ถูกกล่าวหาก็สามารถอุทธรณ์ได้ต่อ รมว.ยุติธรรม ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความได้ และยังสามารถยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ในลำดับสุดท้ายตามกระบวนการกฎหมายด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีทนายความออกมาแสดงความเห็นผ่านสื่อต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งเรื่องมาตรฐานตรวจสอบการประกอบวิชาชีพทนายความและมรรยาททนายความ โดยการปฏิบัติหน้าที่ทนายความนั้นมีข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 ควบคุมดูแลอยู่แล้ว แม้ว่ากฎหมายนี้จะใช้มานานแต่ก็ได้เขียนครอบคลุมไว้ว่า ทนายความทุกคนต้องประพฤติตนไม่ให้เกิดความเสื่อมเสีย บุคคลใดที่กระทำการนอกลู่นอกทางก็ต้องระวัง เช่น การห้ามโอ้อวดว่า ตนเองเก่งกว่าคนอื่น เป็นต้น ก็จะมีการพิจารณาลงโทษ
สำหรับการกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดในภาษาทนายเรียกว่า “ตระบัดสินลูกความ” คือการกระทำฉ้อโกง ยักยอกเงิน หรือการทุจริต การเอาเงินลูกความไปใช้โดยมิชอบ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดในข้อกล่าวหาร้ายแรงนี้ บทลงโทษก็คือการลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ โดยมีตัวอย่างจากกรณี นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ที่ฉ้อโกงเงินน้องบีม 5 ล้านบาทที่ได้รับการชดใช้ในคดีประสบอุบัติจนพิการต้องนั่งวีลแชร์ ปัจจุบันก็ถูกดำเนินคดีอาญาและได้รับโทษจำคุกแล้ว
อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบต่างๆ นั้นยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายไม่มีการกลั่นแกล้งกัน โดยหากมีผู้ร้องเรียนก็จะตรวจสอบตามขั้นตอน ซึ่งการเข้าสู่ระบบตรวจสอบอาจมีทั้งผู้ร้องเรียนเข้ามา หรืออัยการและศาลแจ้งข้อมูลมา และกรณีที่เรียกว่าความปรากฏเป็นความผิดซึ่งคณะกรรมการมรรยาทฯ ได้เห็นเหตุนั้นว่าเป็นความผิด
ที่ผ่านมา การลงโทษตามข้อบังคับมรรยาททนายความเมื่อกระทำผิดประพฤติตนไม่เหมาะสมในลักษณะต่างๆ กันไป นั้นก็เคยมี โดยการลงโทษก็มีตั้งแต่การลบชื่อออกจากการขึ้นทะเบียนทนายความ , ห้ามทำการเป็นทนายความ เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี , การภาคทัณฑ์ เป็นโทษเบาที่สุด คือว่า กล่าวตักเตือน หรือทำเป็นหนังสือแจ้งทัณฑ์บนกรณีการทำผิดครั้งแรกเล็กน้อย