สาธารณสุข เร่งขับเคลื่อนงานสุขภาพปฐมภูมิ มุ่งประชาชนเข้าถึงบริการ ลดแออัดในรพ. คาดภายใน 10 ปี เวลารอคอยเหลือ 44 นาที ประหยัดค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุขกำลังมุ่งไปสู่แนวทางการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องก้นโรคมากกว่าการรักษาพยาบาล เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และลดการแออัดในรพ. โดยมีระบบสุขภาพปฐมภูมิเป็นเครื่องมือสำคัญตาม พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562
มุ่งเน้นการสร้างเสริมสุขภาพมากกว่าการรักษาพยาบาล ทำให้ประชาชนสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้ ลดนอนโรงพยาบาล ลดป่วย ลดพิการ คาดภายใน 10 ปีหลังจากขับเคลื่อนงานปฐมภูมิ จะช่วยประหยัดเวลารอคอย จาก 3 ชั่วโมง เหลือ 44 นาที ประหยัดเงินค่าเดินทางไป รพ. เฉลี่ย 1,655 บาทต่อคน และลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 227,570 ล้านบาท
ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนงานระบบปฐมภูมิ เมื่อเร็วๆนี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมนัดแรกในคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ครั้งที่ 1/2562 ตามบทเฉพาะกาลของพ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562
ประกอบด้วยคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อธิบดีกรมบัญชีกลาง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุม
โดยคณะกรรมการฯเห็นชอบขับเคลื่อนงานพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ให้มีหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดบริการ ดูแลประชาชน ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพใกล้บ้าน มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวประจำตัวเป็นที่ปรึกษา ให้การดูแลส่งเสริมสุขภาพคนในครอบครัวและชุมชน และมีข้อมูลด้านสุขภาพที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยบริการทุกระดับ
นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า เราได้เตรียมระบบงานรองรับการบริการปฐมภูมิมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีหน่วยบริการปฐมภูมิ และเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ จำนวน 1,180 แห่ง ครอบคลุมประชากร 13 ล้านคน ในปี 2563 จะมีเพิ่มขึ้นเป็น 26 ล้านคน หรือ 40 % ของประชากร และมีหน่วยบริการเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 แห่ง
ที่ประชุมได้เห็นชอบประกาศคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ปรับปรุงเรื่องแพทย์ และการบริการด้วย โดยจัดทำประกาศคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้หน่วยบริการปฐมภูมิ และเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ 1 หน่วย ให้การดูแลประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ 8,000 – 12,000 คน โดยมีทีมหมอครอบครัว ประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว 1 คน พยาบาลวิชาชีพ 2 คน และนักวิชาการสาธารณสุข 2 คน และทีมสหสาขาวิชาชีพอื่นๆ ได้แก่ ทันตแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักเทคนิคการแพทย์ แพทย์แผนไทย เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานเภสัชกรรม ตามความเหมาะสมของพื้นที่ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
โดยเฉพาะอสม.นั้นขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกลไกสร้างเสริมสุขภาพระดับชุมชน ล่าสุดดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศนโยบายจะพัฒนาให้ อสม.กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ เป็น อสม.หมอประจำบ้าน ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาช่วยในการทำงานสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ประชาชน ทำงานร่วมกับท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายในชุมชน
เป้าหมายต้องให้ประชาชนหันมาดูแลตนเอง ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม กินอาหารที่มีประโยชน์ ลดการเจ็บป่วย ลดค่าใช้จ่าย ลดการไปโรงพยาบาล ลดความแออัด และแก้ไขความเหลื่อมล้ำ