Branding

‘ไทยเบฟ’ วาดยุทธศาสตร์ เหล้า-เบียร์ ปักธงลุย ‘ไทย-พม่า-เวียดนาม’

หลังจากหัวเรือใหญ่ ไทยเบฟเวอเรจ “ฐาปน สิริวัฒนภักดี” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเบียร์ ออกมาประกาศวิชั่น 2025 หรือเป้าหมายธุรกิจอีก 6 ปี นับจากนี้ (ปี 2020-2025) เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของวิชั่น 2020 โดยเป้าหมายภายใต้วิชั่นใหม่ครั้งนี้ ยังคงมุ่งสู่ การเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรที่ยั่งยืนระดับโลก จากปัจจุบันที่มั่นใจว่าสามารถขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารในอาเซียน

ฐาปน สิริวัฒนภักดี
ฐาปน สิริวัฒนภักดี

ทั้งนี้เมื่อจับตามองกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้หลักให้กับไทยเบฟเวอเรจ  ก็คือ กลุ่มสุราและเบียร์ ที่ปัจจุบันยังครองสัดส่วนรายได้ 60-70% แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่สวนทางกับกระแสดูแลสุขภาพแต่ยังเติบโตได้ โดยเฉพาะการวางยุทธศาสตร์ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการโฟกัสในตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตแน่นอน ได้แก่ ตลาดไทย เมียนมาร์ และเวียดนาม

เห็นได้จากการที่ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ว่า วิชั่นของไทยเบฟฯ นับจากนี้ มองไกลไปถึงอาเซียน+6 ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่าครึ่งโลก มีประเทศที่มีอัตราการโตของเศรษฐกิจสูง เช่น เมียนมาร์ 7.4 % กัมพูชา 7.2 % ลาว 7.1 % และเวียดนาม 6.2%  กลุ่มประเทศที่จับตามองในปัจจุบันคือ MTV ได้แก่ เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม

จากการโฟกัสตลาดที่ชัดเจนใน 3 ประเทศดังกล่าว ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ไทยเบฟฯ มีความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในตลาดเครื่องดื่มในเมียนมาร์ และ เวียดนาม  ในเมียนมาร์ ได้ลุยตลาดทั้งกลุ่มสินค้าเหล้าและเบียร์ เริ่มจากการลงทุน 741.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าซื้อหุ้น 75% ในบริษัท Myanmar Distillery เจ้าของสุราแบรนด์ แกรนด์ รอยัล ที่เป็นผู้นำตลาดวิสกี้ในเมียนมาร์ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 70% หรือมียอดขายมากกว่า 10 ล้านลังต่อปี

เอ็ดมอนด์ เนียว
เอ็ดมอนด์ เนียว

นายเอ็ดมอนด์ เนียว รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า ไทยเบฟฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของธุรกิจเบียร์ก็ได้เดินแผนรุกตลาดพม่าเช่นกัน ด้วยการลงทุนก่อสร้างโรงงานกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อผลิตเบียร์ช้างในโรงเบียร์ Emerald Brewery ในเมียนมาร์ผ่านบริษัทในเครือไทยเบฟฯ คือ บริษัท เฟรเซอร์ และนีฟ จำกัด หรือเอฟแอนด์เอ็น  เริ่มผลิตเบียร์ช้างในโรงงานดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีกำลังผลิตปีละ 50 ล้านลิตร ผลิตเบียร์เพื่อจำหน่ายในเมียนมาร์ 5 รูปแบบ คือ แบบขวดปริมาณ 320 มล. และ 620 มล. ,แบบกระป๋อง 330 มล. และ 500 มล. รวมทั้งแบบถังปริมาณ 30 ลิตร

ขณะที่ในตลาดเวียดนามก็มีความเคลื่อนไหวน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยในปี 2560 ได้ทุ่มเม็ดเงินสูงถึง 1.56 แสนล้านบาท ลงทุนในบริษัท ไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่น หรือ ซาเบโก (Sabeco) ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์เบอร์ 1 ในประเทศเวียดนาม  ซึ่งส่งผลให้ไทยเบฟฯ ผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดเบียร์อาเซียนทันที ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 35% เนื่องจากซาเบโก้ เป็นผู้นำตลาดเบียร์ในเวียดนาม และมีส่วนแบ่ง 26% ในตลาดเบียร์อาเซียน ขณะที่เบียร์ช้างมีส่วนแบ่งประมาณ 9% ในอาเซียน

นอกจากนี้ การที่ตลาดเบียร์เวียดนามเป็นตลาดใหญ่ที่มีปริมาณสูงถึง 4,400 ล้านลิตรต่อปี และมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% ต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของเบียร์ช้าง ที่จะเข้าไปขยายตลาดในประเทศเวียดนาม ซึ่งเริ่มทำตลาดแล้วในขณะที่ พร้อมกับที่เบียร์จากซาเบโก้ ก็เตรียมเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเช่นกัน

นายเบนเนตต์ เนียว กรรมการผู้อำนวยการ ซาเบโก้ เบียร์ เบฟเวอเรจ คอเปอเรชั่น กล่าวว่า ซาเบโก้ พร้อมแล้วที่จะขยายตลาดในระดับโลก จากการมีฐานการผลิตที่แข็งแกร่งด้วยโรงงานผลิตถึง 26 โรงในเวียดนาม และความแข็งแกร่งของเครือข่ายไทยเบฟฯในอาเซียนและทั่วโลก โดยจะให้ความสำคัญกับ 7 เสาหลัก อันเป็นกลยุทธ์ ซาเบโก้ 4.0  ประกอบด้วย

1. การขายที่วางระบบผลตอบแทนตัวแทนจำหน่าย และความสามารถ ศักยภาพในด้านการขาย

2. การลงทุนในตราสินค้า รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์

3. การผลิตจากโรงเบียร์ 26 แห่ง

4. ให้ความสำคัญกับซัพพลายเชน บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบซัพพลายเชน

5. ด้านต้นทุน ที่มุ่งลดต้นทุนของวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการบริหาร

6. WARM Employee การวางระบบโครงสร้างเงินเดือนใหม่ซึ่งพิจารณาตามผลงาน อันเป็นการปรับเปลี่ยนตามวัฒนธรรมใหม่ของไทยเบฟ ที่พิจารณาบนพื้นฐานของการสร้างคุณค่าระดับโลก

7. การมอบอำนาจการบริหาร และการวางกลยุทธ์ระยะยาวในระยะยาว ซึ่งจะสอดคล้องกับวิชั่นของไทยเบฟฯ

จะเห็นได้ว่า จากการโฟกัส 3 ตลาดหลักอย่างไทย เมียนมาร์ และเวียดนามครั้งนี้ เกิดจากการวางหมากไว้พร้อมแล้วของกลุ่มไทยเบฟ จากการเข้าซื้อกิจการและร่วมทุนในผู้นำแต่ละธุรกิจเป้าหมาย ทั้งสุราและเบียร์

หลังจากนี้ จะเป็นการเดินหน้าลุยทำตลาดเพื่อให้เม็ดเงินลงทุนผลิดอกออกผล และไต่ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ นั่นก็คือ การเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก โดยมีเบียร์เป็นหัวหอกนำทัพ ตามด้วยสุราและกลุ่มอาหาร

Avatar photo