หลังจากประกาศแผนการลงทุนสำหรับประเทศอิตาลีในปี 2562-2564 ถึงการผลิตรถรุ่นใหม่และรถที่ผ่านการปรับโฉมครั้งใหญ่รวม 13 รุ่น, ยนตรกรรมที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดอีก 12 รุ่น, เฟียต 500 โฉมใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งจะผลิตที่ มิราฟิโอรี และ อัลฟา โรมิโอ รุ่นใหม่ที่เมืองโปมิกลิอาโน
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนมูลค่า 5,000 ล้านยูโรของบริษัท FCA (Fiat Chrysler Automobiles) มาเซราติ จึงประกาศแผนการลงทุนสำหรับผลิตรถรุ่นใหม่, การใช้มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบช่วยขับอัตโนมัติ ณ โรงงานในอิตาลีทั้ง 3 แห่ง ได้แก่โมเดนา คาสซิโน และ ตูริน
สำหรับรถรุ่นใหม่ของ มาเซราติ จะถูกพัฒนาเป็นระบบไฮบริด ซึ่งจะมาพร้อมนวัตกรรมการขับขั้นสูงอาทิ โหมดการขับที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร การชาร์จไฟที่รวดเร็วและอยู่ได้นาน โดยมาเซราติ ยืนยันว่าการพัฒนาดังกล่าว จะยังคงรักษาดีเอ็นเออันโดดเด่นของแบรนด์ไว้ได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งก้าวสำคัญของ มาเซราติ คือการพัฒนายานยนต์ไปสู่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งมีด้วยกัน 2 ระดับ คือระบบช่วยขับบนทางหลวง ไปจนถึงระบบขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยรถยนต์รุ่นแรกที่จะเริ่มใช้ระบบไฮบริดในปี 2563 คือ มาเซราติ กิบลี ซึ่งจะผลิตขึ้นที่ เมืองตูริน, อิตาลี ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุดนั้นจะผลิตขึ้นที่เมืองโมเดนา ซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่มาพร้อมเทคโนโลยี ผสานความคลาสสิคตามแบบฉบับของ มาเซราติ
รถยนต์รุ่นต่อมาจะเป็นเอสยูวี ซึ่งจะผลิตที่เมืองคาสซิโน ในโรงงานที่ใช้เงินลงทุนสูงถึง 800 ล้านยูโร (ประมาณ 26,000 ล้านบาท) ในไตรมาสแรกของปี 2020 และจะออกสู่ตลาดช่วงปี 2021 ด้วยรูปทรงและเทคโนโลยีที่ทันสมัยโดย มาเซราติ หวังว่ารถรุ่นนี้จะเป็นตัวชูโรงของแบรนด์ในอนาคต
หลังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มาเซราติ พร้อมแล้วสำหรับการนำระบบไฮบริดมาใช้กับรถยนต์รุ่น กรันทูริสโม และ กรันคาบริโอ โดยจะผลิตที่โรงงานในเมืองตูริน นอกจากนี้แล้ว มาเซราติ ยังวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับรุ่น เลอวานเต้, ควอตโตรปอร์เต้ และกิบลี อีกด้วย
