ผู้นำฮ่องกงประกาศภาวะฉุกเฉินในวันนี้ (4 ต.ค.) เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี พร้อมออกคำสั่ง ห้ามผู้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วง สวมหน้ากากปกปิดใบหน้า ในความพยายามที่จะยุติการประท้วงด้วยความรุนแรง ที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน
“เราเชื่อว่ากฎหมายใหม่ จะช่วยยับยั้งกลุ่มผู้ประท้วง และผู้ก่อการจลาจล ที่สวมหน้ากาก และก่อเหตุรุนแรงขึ้นมา ทั้งยังช่วยตำรวจในด้านการบังคับคดีด้วย” นางแคร์รี หลำ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเกาะฮ่องกง ระบุ
นางหลำบอกด้วยว่า คำสั่งห้ามสวมหน้ากากนี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งตามกฎหมายการปกครองภายใต้การประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น เจ้าหน้าที่สามารถออกกฎข้อบังคับใดๆ ก็ได้ ที่เห็นสมควรว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
การออกคำสั่งผู้นำล่าสุด ยังเกิดขึ้นหลังในช่วงเที่ยงวันนี้ มีชาวฮ่องกงหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ พากันสวมหน้ากาก ออกมาชุมนุมตามท้องถนนในช่วงพักกลางวัน เพื่อประท้วงแผนการออกคำสั่งห้ามสวมหน้ากากเข้าร่วมชุมนุมดังกล่าว สถานการณ์ที่ฝ่ายค้านบอกว่า จะทำให้ฮ่องกงตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบอำนาจนิยม
ทั้งนี้ ฮ่องกงเผชิญการประท้วงรุนแรงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยมีชนวนเหตุจากการต่อต้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ก่อนที่เป้าหมายการประท้วงจะขยายออกไปเป็นการต่อต้านรัฐบาลในเวลาต่อมา