World News

กังวล ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ฉุด ‘ดาวโจนส์’ ดิ่งกว่า 500 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (2 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ดิ่งลงไปมากกว่า 1% เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่องกัน แตะระดับต่ำสุดในรอบเดือน หลังรายงานการจ่ายเงินเดือนภาคเอกชนที่ซบเซาในเดือนกันยายน ยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นถึงภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่มีขนาดใหญ่สุดของโลก

stock market afp

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดร่วงลง 515.29 จุด หรือ 1.94% มาอยู่ที่ 26,057.75  จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 51.13 จุด หรือ 1.74% ที่ 2,889.12 จุด และดัชนีแนสแด็ก ดิ่งลง 132.26 จุด หรือ 1.67% ที่ 7,776.42 จุด

รายงานเอดีพีกากรจ้างงานแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่า เมื่อเดือนกันยายน นายจ้างภาคเอกชนของสหรัฐ จ้างงานน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ บ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอของตลาดแรงงาน

ตัวเลขจ้างงานดังกล่าว ที่เปิดเผยออกมาเพียง 1 วัน หลังรายงานกิจกรรมภาคการผลิตท้องถิ่น ที่อยู่ในภาวะซบเซาหนัก ยิ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นลดลงอย่างมาก เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ

นักวิเคราะห์ชี้ว่า นอกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอแล้ว สถานการณ์ที่ซบเซาในยุโรป และการชะลอตัวของจีน ล้วนแต่ทำให้เกิดความกังวลว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะอยู่วงนอก และเทขายหุ้นเพื่อทำกำไร

ตลาดยังเจอกับแรงกดดันจากราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ที่ดิ่งลงถึง 3.6% หลังค่ายรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐรายนี้ รายงานยอดขายไตรมาส 3 ในตลาดสหรัฐร่วงลงราว 5% ทั้งยังฉุดให้ราคาหุ้นของเจนเนอรัล มอเตอร์ส โค (จีเอ็ม) คู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า ดิ่งลงมา 3.5% ก่อนที่จีเอ็มจะรายงานยอดขายรถยนต์รายไตรมาส

ขณะที่ราคาหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทะยานขึ้น 2.1% เป็นหุ้นตัวเดียวในดัชนีดาวโจนส์ ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก จากการที่บริษัทระบุว่า จะจ่ายเงิน 20.4 ล้านดอลลาร์ เพื่อไกล่เกลี่ยคดีที่ถูกฟ้องร้องใน 2 เมืองของรัฐโอไฮโอ สถานการณ์ที่ทำให้บริษัทรอดพ้นการโดนรัฐบาลกลางไต่สวน เพื่อหาความรับผิดชอบจากอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ ต่อวิกฤติยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของโอปิออยด์ ในสหรัฐ

Avatar photo