วิกฤติต้มยำกุ้งประเทศไทยในปี 2540 สร้างหายนะมากมายกับภาคธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือ “ทวีกิจ” ผู้ประกอบการค้าปลีกท้องถิ่นจากบุรีรัมย์ ที่ต้องบอกว่าแทบจะล้มทั้งยืน หนี้สินล้นพ้นตัว แต่ถึงวันนี้ ทวีกิจ กลับมาผงาดได้อย่างมั่นคง ก็เพราะ “หัวใจที่ไม่ยอมแพ้” ของ “ทวี โรจนสินวิไล” และคู่ชีวิตที่เป็นกำลังใจเคียงข้างฟันฝ่าอุปสรรค “ปราณี โรจนสินวิไล”
ก้าวเดินของ ทวีกิจ ต้องบอกว่า ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เริ่มตั้งแต่การเปิดร้านขายของชำเล็กๆ จนเติบใหญ่เป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่คู่จังหวัดบุรีรัมย์มานานกว่า 45 ปี หรือเปิดห้างทวีกิจแห่งแรกในปี 2517 ซึ่งเป็นความฝันที่เป็นจริงของ ทวี โรจนสินวิไล โดยมีต้นแบบและแรงบันดาลใจจาก ห้างเมืองกรุงอย่าง เซ็นทรัล สีลม
เมื่อฝันเป็นจริง ทวีกิจ ก็ไล่ล่าสานต่อความฝันไม่หยุดยั้ง เสมือนพยัคฆ์ติดปีก ด้วยการทะยานขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดห้างทวีกิจพลาซ่า หน้าอำเภอ ในปี 2529 จากนั้นเริ่มขยับขยายออกไปต่างอำเภอ อย่างนางรอง จนกระทั่งกระโดดข้ามจังหวัดไปเปิด ทวีกิจที่จังหวัดสระบุรี ไปจนถึงการขยายสู่ธุรกิจซูเปอร์เซ็นเตอร์ ภายใต้ชื่อ วีมาร์ท ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่บุรีรัมย์ถิ่นเดิม และข้ามถิ่นมาเปิดที่ นวนคร โดยได้แนวคิดมาจาก ห้างวอลมาร์ท
แต่เมื่อเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ทุกอย่างที่สร้างเหมือนจะถล่มลงมา เพราะการกู้เงินมาลงทุนขยายธุรกิจ ทำให้ต้องแบกภาระดอกเบี้ยจนเป็นหนี้สินก้อนใหญ่ ทำให้ต้องตัดสินใจปิด วีมาร์ท ทั้งสองสาขาลงในปี 2541 หลังจากเปิดให้บริการได้แค่ 6 เดือนเท่านั้น
แม้ต้องจมอยู่กับหนี้สิน แต่ด้วย “หัวใจไม่ยอมแพ้” และมุ่งมั่นว่าจะต้องกลับมาเปิดห้างอีกให้ได้ ทำให้ทวีกิจฮึดสู้อีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจมาเป็นการกางเต็นท์ขายของ ใกล้หน้าอำเภอกระสัง แล้วก็พบว่า มาถูกทาง เมื่อใช้กลยุทธ์ “เปาะหลีตอเซียว” หรือ ขายถูก เอากำไรต่อชิ้นน้อย ๆ แต่ขายปริมาณมาก ก็ได้กำไรเยอะ ซึ่งก็ทำให้ ทวีกิจสามารถพลิกธุรกิจให้กลับมาสู่สังเวียนค้าปลีกอีกครั้งในปี 2545 ด้วยการก่อตั้ง “ทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์”
จนถึงวันนี้ ทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ กลับมาผงาดได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง โดยนอกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คือ ทวีกิจ พลาซ่า, ทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ในจังหวัดบุรีรัมย์ และทวีกิจคอมเพล็กซ์ จังหวัดสระบุรีแล้ว ยังมีร้านค้าสาขาในอาณาจักรทวีกิจอีก 165 สาขา กระจายอยู่ในพื้นที่อีสานใต้ อาทิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม นครราชสีมา สระแก้ว และอุบลราชธานี รวมทั้งวางแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10 สาขา
เอกลักษณ์สำคัญที่น่าชื่นชม และเรียกได้ว่าเป็นค้าปลีกรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยคือ ทวีกิจมีนโยบายชัดเจน ที่จะไม่จำหน่ายบุหรี่ เหล้า เบียร์ ซึ่งเป็นนโยบายที่ยึดมั่นมาตลอด ภายใต้สโลแกนที่ว่า “เพราะเราห่วงใยคุณและทุกคนในครอบครัว” และ “ทวีกิจนำความประหยัดและความสุขสู่ชุมชน”
ปัจจุบัน ทวีกิจ อยู่ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 2 หนึ่งในนั้นคือ “ดรุณี -ศิรินันท์ โรจนสินวิไล” ที่ยังคงยึดมั่นแนวทางการบริหารงานสานต่อจากรุ่นพ่อ โดยมองว่าสิ่งสำคัญคือ ต้องยืดหยัดและปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ ปรับตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ธุรกิจค้าปลีกอยู่รอดต่อไปได้
นอกจากนี้ ยังต้องรักษามาตรฐานที่ดีและการบริการลูกค้า รวมถึงการตอบแทนชุมชน ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อชุมชน ซึ่งที่ผ่านมา ทวีกิจได้จัดกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โครงการต้นกล้าคุณธรรม มอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นเด็กเก่งและดีมีน้ำใจ เรียนดีแต่ขาดแคลน, โครงการติวภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ฟรี การสนับสนุนโครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน เป็นต้น
